กินเจปีนี้ อาจเจออาหารเจแพงขึ้น

11 ต.ค. 2566 - 02:47

  • ต้นทุนการผลิตอาหารเจหลายรายการมีแนวโน้มจะขยับขึ้น

  • คนกินเจคาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากความนิยมอาหารเพื่อสุขภาพ กลับมาใช้ชีวิตปกติ

  • เม็ดเงินค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ช่วงเทศกาลกินเจ อยู่ที่ 3,100 ล้านบาท

economy-vegetarian-festival-china-bangkok-expensive-stuff-healthy-food-SPACEBAR-Hero.jpg

เทศกาลกินเจปี 2566 ที่จะเริ่มขึ้นวันที่ 15-23 ตุลาคม 2566 รวมเป็นเวลา 9 วัน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในปีนี้ราคาอาหารเจน่าจะยังคงปรับสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตอาหารเจหลายรายการมีแนวโน้มจะขยับขึ้นจากช่วงเทศกาลกินเจปีก่อน คือ ผักบางชนิด เช่น คะน้า ฟักทอง เต้าหู้ และข้าว จากสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกหนักและน้ำท่วมในบางพื้นที่ซึ่งกระทบกับปริมาณผลผลิต นอกจากนี้ กลุ่มโปรตีนเกษตร ก็น่าจะปรับขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มในช่วงกินเจ รวมถึงราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ล่าสุดเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ภาพรวมเงินเฟ้อหมวดอาหารที่บริโภคในบ้านที่เติบโต 1.5% เทียบกับปีก่อน และหมวดอาหารที่บริโภคนอกบ้านที่เติบโต 1.1% เทียบกับปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่า ทิศทางราคาอาหารเจทั้งที่บริโภคในบ้านและร้านอาหาร ก็น่าจะปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ ขณะที่จำนวนคนกินเจในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากความนิยมอาหารเพื่อสุขภาพ และการกลับมาใช้ชีวิตปกติ

อย่างไรก็ดี ด้วยทิศทางราคาอาหารเจที่มีอาจปรับสูงขึ้น ประกอบกับความกังวลต่อค่าครองชีพที่สูงและกำลังซื้อที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่ แม้ว่าภาครัฐจะออกมาตรการลดภาระค่าครองชีพบางส่วน เช่นมหกรรมลดราคา แต่ผู้บริโภคยังกังวลกับภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวมถึงรายได้ในอนาคต สะท้อนจากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ระบุว่า คนกรุงเทพฯ ที่วางแผนจะกินเจ พยายามปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย เพื่อควบคุมงบประมาณการใช้จ่ายตลอดเทศกาล โดยการลดวันกินเจลง รวมถึงเลือกใช้บริการช่องทางการจำหน่ายที่ราคาไม่สูง เช่น ร้านอาหารตักขายข้างทางและนั่งทานในร้าน 

ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ช่วงเทศกาลกินเจปี 2566 น่าจะอยู่ที่ 3,100 ล้านบาท หรือขยายตัว 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจากระดับราคาอาหารเจที่อาจปรับขึ้นราว 2.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ปริมาณการบริโภคอาหารเจโดยรวมน่าจะเติบโตเล็กน้อยหรือราว 1.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน 

หากมองไปข้างหน้า ด้วยคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ยังคงไม่สนใจบริโภคอาหารเจ ถือเป็นความท้าทายต่อทิศทางการเติบโตของธุรกิจอาหารเจ ดังนั้น โจทย์สำคัญคงอยู่ที่แนวทางในการกระตุ้นยอดขายและฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้นแม้อยู่นอกเทศกาลกินเจ โดยเฉพาะการชูจุดขายความคุ้มค่าด้านราคาเมื่อเทียบกับอาหารทั่วไป รวมถึงพัฒนาความพิเศษให้กับเมนูอาหารเพื่อสร้างประสบการณ์การบริโภคที่ดีและนำไปสู่การกลับมาซื้อซ้ำ เช่น ใช้วัตถุดิบพรีเมียมที่มีคุณค่าทางอาหารสูง พัฒนาเมนูแปลกใหม่ที่แตกต่างกว่าอาหารเจเดิม ๆ ที่มีจำหน่ายในตลาด รวมถึงการจัดโปรโมชั่นหรือส่วนลดให้กับอาหารเจทั้งในและนอกเทศกาลกินเจ

ข่าวน่าสนใจ

สายต้มซุปเปอร์มีหนาว จีนสั่งซื้อทะลัก ทำของขาด

รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต ต้องกดยืนยันรับสิทธิ

กับดัก SME ไทย เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลไม่ได้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์