นายอิศรา เรืองสุขอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE ส่งหนังสือชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หลังถูกขอให้ชี้แจงข้อมูลเรื่อง ‘กรอบเวลาที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในธุรกิจ Tech’
โดยในหนังสือชี้แจงระบุว่า บริษัทฯขอชี้แจงว่าบริษัทฯจะยังคงดำเนินธุรกิจกัญชงและกัญชาต่อไป แต่เนื่องด้วยธุรกิจกัญชงและกัญชามีความเสี่ยงสูงจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาครัฐ อีกทั้งสภาวะอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ราคาผลผลิตตกตำลงจากสภาวะอุปทานส่วนเกิน ซึ่งส่งผลโดยตรงกับผลประกอบการของบริษัทฯ ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีแนวทางในการขยายการลงทุนในธุรกิจอื่นที่มีศักยภาพในการเติบโต
กล่าวคือ ธุรกิจอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ (“ธุรกิจ Tech”) โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจ Tech ซึ่งรวมถึง (1) ธุรกิจสื่อเทคโนโลยี (Technology Media) (2) ธุรกิจให้บริการชำระเงิน (PaymentGateway Solution) และ/หรือ (3) ธุรกิจแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย (Marketplace Platform)
เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจ Tech เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และความสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว และเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์ บริษัทฯจึงมีความสนใจในการเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอ มีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 12.0 และมีศักยภาพการเติบโตในอนาคต (Potential Upside)
อย่างไรก็ดี บริษัทฯประสงค์ที่จะระดมทุนโดยการเข้าทำรายการ Private Placement เพื่อให้บริษัทฯสามารถระดมเงินทุนให้ได้ทันท่วงทีสำหรับการเข้าลงทุนในธุรกิจ Tech ดังกล่าว โดยบริษัทฯ ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อของธุรกิจที่บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนได้ เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนแห่งอื่น และการเปิดเผยข้อมูลในขณะที่ยังไม่มีความแน่นอนอาจจะทำให้บริษัทจดทะเบียนดังกล่าวได้รับผลกระทบ และอาจส่งผลต่อการเจราจาราคาของธุรกรรมการลงทุนนี้ อย่างไรก็ดีบริษัทฯคาดว่าจะได้ความแน่นอนเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจ Tech ภายในไตรมาส 2-3 ปี 2568

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว EE มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ หลังจากมีการทำรายการบิ๊กล็อต โดยนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ที่ซื้อหุ้น 1,607 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 57.81% (ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 14 สตางค์) เย็นวันเดียวกัน EE เรียกประชุมคณะกรรมการบริษัท พร้อมมีมติ
- แต่งตั้ง นายพันธ์ธวัช เป็นประธานกรรมการบริษัท
- เพิ่มทุน จำนวน 2,780 ล้านหุ้น เสนอขายบุคคลในวงจำกัด 5 ราย ราคาหุ้นละ 19 สตางค์
- เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เทคลีค เอ็นพีแอ็น จำกัด (มหาชน)
นายพันธ์ธวัช ออกคำชี้แจงทันทีถึงการถือหุ้น EE ระบุว่า มองเห็นศักยภาพและโอกาสของบริษัทในธุรกิจด้านเทคโนโลยี และเชื่อมั่นจะสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยการบริหารที่โปร่งใส มีเป้าหมายที่ชัดเจน โดยตั้งใจผลักดันบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นและผลักดันให้ ‘EE’ กลายเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือในระดับประเทศได้
ข่าวนายพันธ์ธวัช เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้หุ้น EE เคลื่อนไหวร้อนแรง ชนเพดานสูงุดที่ 20 สตางค์ 2 วันติดต่อกัน (ตั้งแต่ 4-6 ธันวาคม) ก่อนที่ในวันที่ 6 ธันวาคม จะปิดที่ 36 สตางค์ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 80% แค่ภายใน 2 วันทำการ ... นี่จึงทำให้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกประกาศเตือนนักลงทุน และขอให้ศึกษาข้อมูลหุ้น EE ด้วยความระมัดระวัง กรณีบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ โดยการนำหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายบุคคลวงจำกัดหุ้นละ 0.19 บาท เป็นเงิน 517 ล้านบาทเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด ซึ่งเป็นจำนวนที่มีนัยสำคัญเนื่องจากกระทบต่อสิทธิออกเสียงของผู้ถือหุ้นมากกว่า 25%
และการนำเงินเพิ่มทุนไปใช้ลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ หรือธุรกิจ Tech ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีผลตอบแทนการลงทุนไม่น้อยกว่า 12% แต่บริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน
ตลาดหลักทรัพย์จึงขอให้ EE ชี้แจงข้อมูลกรอบเวลาที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในธุรกิจ Tech ผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลภายใน 11 ธันวาคม 2567 ดังกล่าว