ค่าไฟ งวดต้นปี 67 จ่อขึ้น 4.68-5.95 บาท

10 พ.ย. 2566 - 06:15

  • กกพ. รับฟังความเห็น 3 กรณีสะท้อนต้นทุนเอฟทีรอบ ม.ค. - เม.ย. 67

  • แจงภาระต้นทุนคงค้าง กฟผ. 95,777 ล้านบาท ณ. ปลาย ส.ค. 66

Erc-electricity-bill-ft-energy-regulatory-SPACEBAR-Hero.jpg

คมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เผย สถานการณ์ราคา LNG ในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงในช่วงกลางปี 66 ส่งผลให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าจริงที่เกิดขึ้นในรอบเอฟทีงวด พ.ค. – ส.ค. 66 มีค่าต่ำกว่าประมาณการ ประกอบกับมีเงินส่งคืนส่วนต่างราคาก๊าซจากการดำเนินการตามมติ กพช. ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 65 ที่กำหนดให้ ปตท. ต้องคิดค่าก๊าซในรอบ มกราคม – เมษายน 66 ตามราคาประมาณการ ซึ่งทำให้มีเงินค่าต้นทุนส่วนเกินก๊าซนำมาคืนเป็นส่วนลดค่าก๊าซในรอบ พฤษภาคม – สิงหาคม 66 เพิ่มเติม ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจริงในรอบ พฤษภาคม – สิงหาคม 66 มีค่าต่ำกว่าประมาณการ และทำให้ กฟผ. มีภาระต้นทุนคงค้างลดลงเหลือ 95,777 ล้านบาทในปลายเดือนสิงหาคม 66 

แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสถานการณ์ราคา LNG ในตลาดโลกอยู่ในช่วงขาขึ้น ตามความต้องการใช้ LNG ที่เพิ่มมากขึ้นตามสภาพฤดูหนาวในยุโรปและส่งผลให้การประมาณการต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในรอบ มกราคม – เมษายน 67 เพิ่มขึ้นเป็น 64.18 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งสะท้อนปริมาณการนำเข้า LNG เพื่อชดเชยก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย

โฆษก กกพ. ยังเผย การประชุม กกพ. ครั้งที่ 50/2566 (ครั้งที่ 878) เมื่อ 8 พฤศจิกายน 2566 มีมติรับทราบภาระต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจริงประจำรอบเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม 66 และเห็นชอบผลการคำนวณประมาณค่าเอฟทีสำหรับงวดเดือน มกราคม – เมษายน 2567 พร้อมให้ สำนักงาน กกพ. นำค่าเอฟทีประมาณการและแนวทางการจ่ายภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. ไปรับฟังความคิดเห็นในกรณีต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 10 – 24 พฤศจิกายน 2566 ดังนี้ 

กรณีที่ 1 (จ่ายคืนภาระต้นทุนค้างทั้งหมด) แบ่งเป็นเอฟทีขายปลีกประมาณการที่สะท้อนต้นทุนเดือน มกราคม - เมษายน 67 จำนวน 64.18 สตางค์ต่อหน่วย และเงินเรียกเก็บเพื่อชำระภาระต้นทุนคงค้าง กฟผ. จำนวน 95,777 ล้านบาทในงวดเดียว รวมเท่ากับ 216.42 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วยแล้วทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5.95 บาทต่อหน่วย ตามรายงานการคำนวณตามสูตรเอฟที

กรณีที่ 2 (จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 1 ปี) แบ่งเป็นเอฟทีขายปลีกประมาณการที่สะท้อนต้นทุนเดือน มกราคม – เมษายน 2567 จำนวน 64.18 สตางค์ต่อหน่วย และเงินเรียกเก็บเพื่อทยอยชำระภาระต้นทุนคงค้าง กฟผ. จำนวน 95,777 ล้านบาทโดยแบ่งเป็น 3 งวดๆ ละจำนวน 31,926 ล้านบาท รวมเท่ากับ 114.93 สตางค์ต่อหน่วยสำหรับเดือน มกราคม – เมษายน 2567 เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพิ่มขึ้นเป็น 4.93 บาทต่อหน่วย 

กรณีที่ 3 (จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 2 ปี) แบ่งเป็นเอฟทีขายปลีกประมาณการที่สะท้อนต้นทุนเดือน มกราคม – เมษายน 2567 จำนวน 64.18 สตางค์ต่อหน่วย และเงินเรียกเก็บเพื่อทยอยชำระภาระต้นทุนคงค้าง กฟผ. จำนวน 95,777 ล้านบาทโดยแบ่งเป็น 6 งวดๆ ละจำนวน 15,963 ล้านบาท รวมเท่ากับ 89.55 สตางค์ต่อหน่วยสำหรับเดือน มกราคม – เมษายน 2567 เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพิ่มขึ้นเป็น 4.68 บาทต่อหน่วย 

โฆษก กกพ. บอกด้วยว่า สำหรับผลการคำนวณประมาณค่าเอฟทีและแนวทางการจ่ายภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. ทั้ง 3 กรณีที่กล่าวข้างต้นนั้น เป็นไปตามการประมาณการต้นทุนเชื้อเพลิงโดย ปตท. และ กฟผ. นำค่าประมาณการดังกล่าวมาคำนวณต้นทุนค่าไฟฟ้า (ภายใต้โครงสร้างราคาก๊าซในปัจจุบัน) 

ซึ่งสำนักงาน กกพ. ได้จัดทำสรุปสมมุติฐานที่ใช้การประมาณการค่าเอฟทีในรอบคำนวณเดือน กันยายน – ธันวาคม 2566 เทียบกับการคำนวณในปีฐาน พฤษภาคม – สิงหาคม 2558 และรอบประมาณการค่าเอฟทีเดือน มกราคม – เมษายน 2567 โดยมีรายละเอียดตามในตารางดังนี้

Erc-electricity-bill-ft-energy-regulatory-SPACEBAR-Photo V01.jpg

นายคมกฤช ยังเผย ปัจจุบันก๊าซธรรมชาติในอ่าวยังอยู่ระหว่างปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 200-400 ล้านลูกบากฟุตต่อวันเป็น 800 ล้านลูกบากฟุตต่อวันในเดือน เมษายน 2567 ดังนั้นจึงจำเป็นต้องนำเข้า LNG เพื่อชดเชยก๊าซในอ่าวไทย ซึ่งหากมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจะทำให้ต้องนำเข้า LNG เพิ่มมากขึ้นอีกตามลำดับ

นอกจากนี้ สถานการณ์สงครามรัสเซียยูเครนที่ยังยืดเยื้อประกอบกับสงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่เกิดขึ้นใหม่ ทำให้อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันดิบดูไบ และราคา LNG มีความผันผวนสูงจึงมีความเสี่ยงที่ต้นทุน

ค่าไฟฟ้าในรอบเดือน กันยายน – ธันวาคม 2566 และ มกราคม - เมษายน 2567 เปลี่ยนแปลงไปจากประมาณการ อย่างไรก็ตาม กกพ. จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการต้นทุนค่าเชื้อเพลิงให้มีประสิทธิภาพในราคาที่เหมาะสม มีความมั่นคง และเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเปลี่ยนแปลงไป  นอกจากนี้ สำนักงาน กกพ. ยังคงเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันประหยัดการใช้ไฟฟ้าเพื่อลดการนำเข้า LNG และลดความผันผวนของราคาพลังงาน

ทั้งนี้ กกพ. เปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 10 – 24 พฤศจิกายน 2566 ก่อนที่จะมีการสรุปและประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์