YLG ชี้ ทองพุ่งแตะ $2,300 รับวงจรเฟดดอกเบี้ยขาลง

29 มีนาคม 2567 - 10:01

-SPACEBAR-Hero.jpg
  • YLG มั่นใจภายใน 2-3 ปี ทิศทางราคาทองคำยังเป็นเทรนด์ขาขึ้น

  • YLG แนะนักลงทุนแบ่งขายทำกำไรระยะสั้น

YLG ชี้ 'ทองคำ' ยังรักษาเทรนด์ขาขึ้น หลังพุ่งทำจุดสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ 2,234 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ขานรับเฟดเริ่มวงจรดอกเบี้ยขาลงปีนี้ บวกปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์หนุนแรงซื้อ

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่าราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดตลอดกาลอีกครั้งที่ระดับ 2,234 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ณ วันที่ 28 มี.ค. 2567  ส่งผลให้นับจากต้นปี หรือในไตรมาสที่ 1/2567 ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วกว่า 8% ซึ่งการปรับขึ้นมาในรอบนี้ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเกิดความไม่มั่นใจว่าราคาทองคำขึ้นมาสูงจนจะเป็นภาวะฟองสบู่หรือไม่ ในกรณีนี้หากวิเคราะห์ตามปัจจัยพื้นฐานจะเห็นว่า การปรับตัวขึ้นมาของทองคำในตลาดโลกในภาพใหญ่ปรับตัวมาอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานนับจากการระบาดของโควิด -19 และต่อเนื่องมาจากปัจจัยหนุนด้านภูมิรัฐศาสตร์หลายพื้นที่ อาทิ ในตะวันออกกลาง จากอิสราเอล-ฮามาส และทะเลแดง  รวมไปถึง รัสเซีย-ยูเครน

นอกจากนี้ ทางการจีนที่ได้ตั้งเป้าเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม 7.2% สู่ระดับ 1.67 ล้านล้านหยวนในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นด้วยอัตราสูงสุดในรอบ 5 ปี  สถานการณ์เช่นนี้ ส่งเสริมให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น  เมื่อทองคำย่อตัวลง จึงเป็นแรงซื้อทองคำที่เข้ามาคอยช่วยให้ราคายกระดับต่ำสุดขึ้น และแน่นอนว่าจะได้ปัจจัยหนุนหลักมาจากการเข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาลงของเฟดอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นนี้ทองคำยังมีความเสี่ยง เนื่องด้วยราคาที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างไกลแล้ว จึงอาจเกิดแรงขายสลับเข้ามาได้ โดยในส่วนของแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายจากเฟดนั้น หากพิจารณาข้อมูลในรายงานประมาณภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเดือน มี.ค. อย่างถี่ถ้วน พบว่า สำหรับปี 2567 มีการปรับขึ้นของคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐฯ แต่ทำการปรับลดอัตราการว่างงานลง นอกจากนั้น แม้ว่าคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) จะอยู่ที่การลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งเท่าเดิมในปีนี้ แต่มีการปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในปี 2568 และ 2569 ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มระดับอัตราดอกเบี้ยที่อาจคงไว้ที่ระดับสูง ทำให้นักลงทุนยังคงไม่วางใจต่อแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในรอบนี้ที่ชี้ว่า เฟดยังไม่อาจสามารถระบุถึงช่วงเวลาในการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ 

ดังนั้นแล้ว ในระยะสั้นทองคำอาจมีความเสี่ยงอยู่บ้าง จากทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อ ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับแรงขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง ในระยะถัดไปแม้ราคาทองคำอาจมีช่วงปรับฐานลงมาบ้าง แต่จะมีแรงซื้อเข้ามาพยุงในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และหากกลางปีนี้เฟดทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำไปอีก 2-3 ปี วายแอลจีจึงมั่นใจว่าภาพใหญ่ของทิศทางทองคำในปีอีก 2-3 ปี จะยังเป็นเทรนด์ขาขึ้น 

อย่างไรก็ดีวายแอลจีแนะนำว่าหากนักลงทุนที่มีทองคำอยู่ในมือและมีกำไรในช่วงนี้ควรแบ่งขายทำกำไร เนื่องจากปกติหากทองคำปรับขึ้นรอบใหญ่จะต้องมีการขายทำกำไรออกมาทุกครั้ง ดังนั้นในระยะสั้นราคาทองคำอาจจะปรับตัวลดลงมาก่อน แต่ระยะยาวยังคงรักษาทิศทางขาขึ้นไว้ได้ โดยให้แนวรับที่ 2,144-2,075 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ แนวต้านที่ 2,266-2,300 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศมองแนวรับที่ 36,600-35,500 บาทต่อบาททองคำ แนวต้านที่ 38,750-39,300 บาทต่อบาททองคำ  (คำนวณด้วย ค่าเงินบาท 36.02 บาทต่อดอลลาร์ *อัตราถัวเฉลี่ยย้อนหลัง 4 สัปดาห์*)

ปัจจุบันนักลงทุนนิยมลงทุนทองคำในรูปแบบการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) โดยมี ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากตลาดฟิวเจอร์สเป็นการเข้าถึงการเทรดในตลาดระดับโลก เช่นการซื้อขายผ่าน Tradingview ด้วยบัญชี YLG Futures ที่นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนฟิวเจอร์สในตลาด CME Group ตลาดฟิวเจอร์สอันดับหนึ่งของโลกจากสหรัฐฯ ที่มีสินค้าที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกครอบคลุม ทองคำ น้ำมันดิบ ดัชนีหุ้นสหรัฐ สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง  อีกทั้ง สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชม. ไม่เว้นวันหยุดของประเทศไทย ซึ่งจุดเด่นของการลงทุนทองคำในฟิวเจอร์สคือสามารถลงทุนได้ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์