เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เผย ได้สั่งการให้ ‘ทีมสุดซอย’ นำโดย ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานต้องสงสัยในจังหวัดระยอง หลังได้รับแจ้งเบาะแสว่า มีการลักลอบนำเข้าเศษยางจากประเทศกัมพูชา ผ่านชายแดนจังหวัดสระแก้ว เพื่อนำมารีไซเคิลโดยไม่ได้รับอนุญาต
การตรวจค้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ที่โรงงาน บริษัท ฟงหงษ์หยวนเฮง รับเบอร์ จำกัด ตำบลพนานิคม อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง พบว่าโรงงานถูกทิ้งร้าง ไม่มีคนงานหรือเครื่องจักรในพื้นที่ ประชาชนในละแวกนั้นให้ข้อมูลว่าโรงงานดังกล่าวเพิ่งขนย้ายเครื่องจักรและเศษยางออกไปได้ไม่กี่วัน
ทีมสอบสวนได้ขยายผล จนพบว่าเครื่องจักรและเศษยางถูกลำเลียงไปยัง บริษัท โอรานไลต์ จำกัด ตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม, บก.ปทส., และหน่วยงานในพื้นที่ เข้าตรวจค้น พบเศษยางกว่า 5,000 ตัน พร้อมเครื่องจักรที่คาดว่าโยกย้ายมาจากระยอง
เบญจมาศ ลีสม กรรมการบริษัท โอรานไลต์ฯ ให้การยอมรับว่า เศษยางบางส่วนเป็นของที่ลักลอบนำเข้ามาจากกัมพูชา โดยมีแฟนหนุ่มชาวจีนเป็นผู้ประสานงานทั้งหมด ขณะเดียวกัน ยังพบใบขนสินค้าที่สำแดงพิกัดนำเข้าเศษยางจากประเทศเบลเยียม ซึ่งผิดจากแหล่งที่มาจริง เจ้าหน้าที่จึงอายัดของกลางทั้งหมด พร้อมนำตัวกรรมการบริษัทส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน และรับแรงงานต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย
ฐิติภัสร์ เผยเพิ่มเติมว่า ได้ส่งอีกทีมของ ‘ทีมสุดซอย’ ร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา และหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม เข้าตรวจสอบบริษัท ภัชชาภิวัฒน์ จำกัด ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่าได้รับแจก ‘ดินถมที่’ จากโรงงาน แต่พบว่ามีกลิ่นเหม็นรุนแรงคล้ายสารเคมี
จากการตรวจสอบพบว่า โรงงานดังกล่าวดำเนินกิจการคัดแยกของเสียประเภทเศษพลาสติก ยาง เปลือกสายไฟ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ทั้งยังเคยปล่อยเช่าพื้นที่ให้ชาวจีนลักลอบเก็บกากอุตสาหกรรม กระทั่งต้องแจกจ่ายให้ชาวบ้านเพื่อนำไปถมที่เป็นการระบายของ เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดอายัดเครื่องจักร วัตถุดิบ และของเสียทั้งหมด พร้อมแจ้งข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต
เอกนัฏ ระบุว่า กระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายชัดเจนในการปราบปรามการลักลอบนำเข้าหรือดำเนินกิจการโรงงานผิดกฎหมาย โดยบูรณาการทำงานร่วมกับหลายหน่วยงานผ่าน ‘ทีมสุดซอย’ และเน้นการลงพื้นที่เพื่อสืบสวนจริง พร้อมเตือนผู้ประกอบการว่าการครอบครองวัตถุอันตรายและเปิดกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดร้ายแรงต่อกฎหมายและต่อชุมชน
