ประเดิมโชว์ Soft Power Thailand ไปแล้วส่วนหนึ่ง สำหรับจังหวัดนครราชสีมา หลังสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา จับมือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โคราชจีโอพาร์ค จัดงาน “ภูมิศาสตร์ ภูมิศิลป์ ภูมิแผ่นดินภูคํา 3 มรดกโลก” ด้วยคอนเซปต์ ‘นุ่งผ้าซิ่น กิ๋นเข่าค่ำ ดื่มด่ําบรรยากาศพาแลง’ ที่ เฮือนภูคํา เดอะเปียโน เขาใหญ่ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ถือได้ว่า เป็น 1 ในสถานที่ที่จะแสดงศักยภาพ Soft Power Thailand กับวัฒนธรรมอาหารอีสาน ที่ผูกโยงเข้ากับความยิ่งใหญ่ ในการเป็นเมือง 3 มรดกโลก ที่การท่องเที่ยวจังหวัดชูศักยภาพมาแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้น เมื่อเข้ามาเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมอาหาร ซึ่งผ่านงานวิจัย-พัฒนา จึงเป็นอีกความลงตัว ที่ต้องไปลิ้มชิมรส
เรื่องเล่าวัฒนธรรมอาหาร จากเฮือนภูคำ
งานนี้ เชฟคำนาง - ณัฎฐภรณ์ คมจิต แห่งเฮือนคํานาง โชว์สุดยอดอาหารท้องถิ่นอีสาน ที่ไม่แค่สวยงาม แต่ทุกๆ จานยังเต็มไปด้วยศักยภาพของพืชท้องถิ่นโดยแท้
เชฟคำนาง เล่าว่า วัฒนธรรมอาหารของเฮือนภูคำ มีศัพท์ท้องถิ่นที่จะเรียกว่า ‘พาข้าว’ หรือความหมายก็คือ สำรับกับข้าว เมื่อถูกแบ่งเป็นมื้อ เช้า-กลางวัน-เย็น เรียกว่า “พางาย-พาสวย-พาแลง” และงานครั้งนี้ก็เป็นการเริ่มต้นจัดพา (อาหาร) มื้อค่ำครั้งแรก (พาแฮก-แฮกพาข้าว) เพื่อแขกผู้มีเกียรติ และความเป็นสิริมงคล โดยเป็นการนำเสนอพาข้าวอีสานแบบย่อ 3 พา คือ พาเมี่ยง พาข้าว พาหวาน (แบบเต็มมีทั้งหมด 9 พา) ซึ่ง 3 พาดังกล่าว มีรายละเอียดคือ
พาเมี่ยง หรือชื่อ เมี่ยงคำโคราช ไดโนจีโอโคราช ซึ่งที่เปรียบเสมือนเป็นออร์เดิร์ฟ ก่อนรับประทานอาหาร โดยพาเมี่ยง เป็นภูมิปัญญา (Wisdom) ของชาวโคราช วัตถุดิบ มาจากพื้นที่โคราชแกสโตโนมี่ (โคราชจีโอพาร์ค) หรือคือ พื้นดิน 3 มรดกโลก
พาข้าว ก็เช่นกัน ใช้วัตถุดิบเป็นของโคราชจี่โอพาร์ค เครื่องปรุงที่สำคัญมาจากลุ่มน้ำลำตะคอง ผนวกเข้ากับวัฒนธรรมลุ่มน้ำลำตะคอง ก็จะพบว่า มีวิถีการ กินปลาปรุงด้วยเกลือ เชฟจึงนำปลากับเกลือ มาทำปลาร้าโคราช ใช้เป็นเครื่องปรุงรสหลักแบบพิเศษสำหรับทุกเมนู เชฟยังย้ำ แม้อาหารทุกจานไม่ใส่ผงชูรส แต่ก็มีรสชาติอร่อย คนไม่ทานปลาร้า ยังทานได้
สำหรับแต่ละเมนูในพาข้าว ประกอบไปด้วย ข้าวหอมทุ่งสัมทธิ์ น้ำพริกไข่ปูภูคำ อ๋อปลาลำตะคอง หลามไก่โคราช กล้วยป่าคั่วหน่อไม้ และบุษบาห้าดำ ซึ่งเมนูหลังสุดนี้ ไม่ได้เป็นอาหารอร่อยเท่านั้น แต่ยังเป็นเมนู ‘ตำรับยาล้างพิษ’ ตามภูมิปัญญาของชาวอีสานอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีเมนูพิเศษจากเฮือนคำนางอีก 1 เมนู คือ ออดกระบก จิ้งหรีดฟักทอง ทานคู่กับเป็ด สูตรพิเศษของเฮือนคำนาง
พาหวาน (ของหวาน) เป็นเมนูที่เสริฟสุดท้าย ชื่อ ‘ข้าวปาดภูคำ’ เป็นวัฒนธรรมการทำของหวานของชาวโคราช ในงานบุญประเพณี โดยมี 2 ชนิด คือ ‘ข้าวปาด และปาดข้าวโพด’ ในงานนี้ คือ ปาดข้าวโพด ที่เป็นการนำข้าวโพดไปปั่นทำน้ำข้าวโพด ก่อนจะเคี่ยวทำข้าวปาด คุกกิ้งด้วยพืชพันธุ์หลากหลายจากเขาใหญ่ มีลูกเกดสีทอง ลูกหม่อน ข้าวเม่าฮาง และงาขาว ราดกับกะทิ
ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา เผย เฮือนภูคำ เกิดจากความคิดและความต้องการร่วมกับ เชฟคำนาง แห่งเฮือนคำนาง ใช้ “เฮือนคำนางโมเดล” ที่เป็นต้นแบบการพัฒนาท้องถิ่น โดยพัฒนาจาก Isan Culture to Isan Gastronomy ตามแบบฉบับของเฮือนคำนาง มาส่งต่อคุณค่าความงามด้วยวัฒนธรรมอาหาร ที่ส่งเสริมวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น ภายใต้แนวคิด “ภูมิศาสตร์ ภูมิศิลป์ ภูมิแผ่นดินภูคำ 3 มรดกโลก” หมายรวมไปถึงศิลปะทุกศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาด้านการกิน เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้ลูกหลานชาวโคราช ส่งต่อความดีงามนี้แก่แขกเมือง อย่างเต็มเกียรติ เต็มภาคภูมิ งานนี้จึงได้เปิด ‘เฮือนภูคำ’ @เดอะเปียโน เขาใหญ่ เป็นจุดนำเสนออัตลักษณ์การกิน ด้วยอาหารท้องถิ่นของนครราชสีมา
สำหรับงาน “ภูมิศาสตร์ ภูมิศิลป์ ภูมิแผ่นดินภูคำ 3 มรดกโลก” นี้ มีเป้าหมายที่จะเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหหารของจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งเชิดชูภูมิปัญญาอาหาร ของพื้นที่ เมือง 3 มรดกโลก ของนครราชสีมา ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และทรัพยากรด้านอาหารที่มีอยู่ในท้องถิ่น และเพื่อเป็นหมุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่สนใจเส้นทางการท่องเที่ยวเมืองมรดกโลก นครราชสีมา
งานนี้ยังได้ดึง Sot Power ด้านอาหาร ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารและสุขภาพ ให้กับแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกและจีโอพาร์ค ได้รับความร่วมมือทั้งจากทางจังหวัด จากสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือเฉลิมพระเกียรติ และยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ไมซ์) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อย่างครบครัน เราจึงได้เห็นแขกสำคัญ ร่วมงานครบถ้วน ทั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัด ‘สมเกียรติ วิริยะกุลนันท์’ ร่วมด้วยฟากฝั่ง ททท. ‘สมฤดี จิตรจง’ รองผู้ว่าการ ททท. ด้านการตลาดในประเทศ, ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา และ ผศ.ดร.ณัฏฐินี ทองดี ผู้อํานวยการสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหิน และทรัพยากรธรณี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น และทึ่งไปกับรสชาติของอาหาร
ด้าน ‘สมฤดี จิตรจง’ รองผู้ว่าการ ททท. ด้านการตลาดในประเทศ บอกด้วยว่า ประเทศไทย มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์หลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องวิถีไทย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น Sot Power ได้ทั้งหมด ที่พูดถึงมาก ก็มีมวยไทย อาหารไทย หรือแม้กระทั่ง น้ำใจไมตรีคนไทย ทุกหน่วยสามารถนำมาเป็นจุดขายของประเทศไทย ได้ โดยไทยแม้ไม่ได้มีสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในโลกก็จริง แต่สิ่งที่ไทยมีมากและหลายประเทศก็มองว่า มาไทยแล้วคุ้มค่าที่สุด ก็คือการมี Sot Power หลากหลายนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นนวดแผนไทย การรักษาด้วยสมุนไพร สิ่งเหล่านี้ ถ้าทุกคนช่วยกันค้นหา Sot Power ที่มีอยู่ในพื้นถิ่น แล้วนำมาพัฒนาต่อยอด ก็จะสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศไทยได้มาก
“เชื่อว่า ต่างชาติชอบ เพราะการกินจากนี้ไปต้องไม่ธรรมดา แต่ต้องกินพร้อมกับได้สุขภาพที่ดี ด้วย ททท.เร่งทำการตลาดการท่องเที่ยวหลายมิติ อาหารไทย มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจ และมีการจับมือกับมิชลินสตาร์ ดังนั้น เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามา เค้าก็จะเสาะแสวงหาอาหารที่แปลกใหม่ อะไรต่างๆ สิ่งเหล่านี้ที่สำคัญ ก็คือ เราจะต้องหาวิธีการที่จะสื่อสาร หรือทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อที่จะให้ต่างชาติ รู้คุณค่าของอาหารที่นี่”
รองผู้ว่าการ ททท.ด้านการตลาดในประเทศ กล่าว
