ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ซีจีเอส อินเตอร์ฯ ประเมินว่า มีความเป็นไปได้สูงที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมวันพุธที่ 30 เมษายนนี้ เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจในประเทศที่เผชิญภาวะชะลอตัว แนะทยอยสะสมหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า-ค้าปลีก-การเงิน รับโฟลว์ใหม่หนุนตลาด คาดบาทอ่อนหลังลดดอกเบี้ย
กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยในรายการสัมภาษณ์ First Up ผ่านทางเพจ Facebook ของ SPACEBAR ว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธที่ 30 เมษายนนี้ มีโอกาสสูงมากที่กนง.จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ตามสัญญาณเศรษฐกิจที่ชะลอตัวชัดเจน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นไทยในระยะสั้น
นักกลยุทธ์ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจฯ บล. ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า การลดดอกเบี้ยรอบนี้มีลักษณะ “จำเป็นต้องลด” เพื่อพยุงเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้รับผลกระทบหนักโดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้ระดับกลางและต่ำ ต่างจากการลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ภาพรวมยังแข็งแกร่ง ส่งผลให้ผลบวกต่อตลาดหุ้นอาจมีจำกัด คาดว่าดัชนี SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นเพียง 10-20 จุดเท่านั้น
ในส่วนของค่าเงินบาท คาดว่า แม้ช่วงที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งค่าเนื่องจากแรงกดดันจากฝั่งสหรัฐฯ และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่หากกนง.ลดดอกเบี้ยจริง เงินบาทอาจกลับมาอ่อนค่าระยะสั้น ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อกลุ่มส่งออกและช่วยพยุงราคาทองคำในประเทศบางส่วน

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน นักกลยุทธ์ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจฯ บล. ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล แนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เพื่อรับมือกับเม็ดเงินใหม่ที่คาดว่าจะไหลเข้าสู่ตลาดในเดือนพฤษภาคมนี้ จากการเริ่มซื้อขายของกองทุน Thai ESG และการโยกย้ายเงินลงทุนจากกองทุน LTF เดิม โดยประเมินว่ามีเม็ดเงินใหม่รอเข้าสู่ตลาดรวมกว่า 80,000-100,000 ล้านบาท
หุ้นเด่นที่แนะนำ ได้แก่
- กลุ่มโรงไฟฟ้า: GULF
- กลุ่มค้าปลีก: CPALL
- กลุ่มไฟแนนซ์: MTC
- กลุ่มธนาคาร: KBANK
- กลุ่มวัสดุก่อสร้าง: SCC
ทั้งนี้ ยังมองว่า โอกาสเกิดปรากฏการณ์ 'Sell in May' ปีนี้โอกาสเกิดน้อย เนื่องจากบรรยากาศการเจรจาการค้าระหว่าง 'สหรัฐฯ-จีน' มีทิศทางผ่อนคลาย และแรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนใหม่ในประเทศจะช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยได้ในระยะกลาง
“เดือนพฤษภาคมนี้ถือเป็นจังหวะสำคัญ นักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากเม็ดเงินใหม่ พร้อมระวังความผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศที่ยังคงมีอยู่ มองกรอบ SET Index ที่บริเวณ 1,120-1,180 จุด” นักกลยุทธ์ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจฯ บล. ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวทิ้งท้าย