การเดินเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ กลายเป็นทางตันสำหรับ JKN เพราะเจ้าหนี้ ผู้ร่วมทุน รวมตัวออกมาคัดค้าน ล่าสุดเตรียมฟ้องคดีแพ่ง และอาญา
นายจักรพันธ์ ปุณยปภา ผู้บริหาร บริษัท ทีซีจี โซเชียล มีเดีย กรุ๊ป จำกัด นายขจรยศ จะริยะมา และนายมงคล ศรีวิราช ทนายความได้ร่วมกันแถลงยื่นฟ้องบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป ใน 2 คดี คือกรณีเผยแพร่ข้อมูลเท็จต่อสาธารณะเกี่ยวกับโครงการ MU COIN ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ร่วมมือกัน และปิดบริษัทที่ถือหุ้นร่วมกันโดยไม่แจ้งต่อหุ้นส่วน ส่งผลให้พนักงานถูกเลิกจ้าง พร้อมเรียกค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท
นายจักรพันธ์ กล่าวว่า แรกเริ่มบริษัททีซีจี ดำเนินกิจการเกี่ยวกับอินฟลูเอ็นเซอร์เอเจนซี่ จนมาสนใจทำธุรกิจผลิตสินค้า และลงทุนกับบริษัทที่ผลิตเครื่องดื่ม โดยถือหุ้นร่วมกับบริษัทเจเคเอ็น ก่อนจะมาดำเนินกิจการสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งจดทะเบียนบริษัทที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ โดยใช้มูลค่าทองคำเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน
เนื่องจากบริษัทต้องการสร้างแบรนด์ให้กับสกุลเงินตัวเอง จึงร่วมกับโครงการมิสยูนิเวิร์ส คอยน์ หรือ MU COIN ลงนามความร่วมมือกับบริษัทเจเคเอ็น ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่การระดมทุน ตามแผนจะปล่อยสู่ตลาด 3,000 ล้านเหรียญ มูลค่า 50,000 ล้านบาท

นายจักรพันธ์ กล่าวอ้างว่า แต่ต่อมาบริษัทเจเคเอ็น ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะเรื่องโครงการ MU COIN โดยอ้างว่า บริษัทเจเคเอ็น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสกุลเงินดิจิทัล สกุลเงินดังกล่าวเป็นของปลอม ขออย่าร่วมซื้อ ทั้งที่ไม่เคยมีปัญหาการทำงานใดๆ และพร้อมปล่อยสกุลเงินนี้ออกสู่ตลาด
บริษัท ได้ฟ้องร้องต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อเรียกค่าเสียหายจากบริษัท เจเคเอ็น โกลบอลกรุ๊ป และนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ เป็นเงิน 1,000 ล้านบาท พร้อมแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ศาลประทับตรารับฟ้อง นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 18 ธันวาคม นี้
ก่อนหน้านี้ทาง JKN มีการโพสต์ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของ JKN ในลักษณะกล่าวหาบริษัท โดยระบุว่า ให้ระวังและอย่าได้เข้าไปร่วมลงทุนกับเหรียญหลอกลวงที่ใช้ชื่อปลอม โดยระบุว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหยุดเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อในการหลอกลวง
เขาจึงเตรียมฟ้องร้องต่อ น้องสาวนายจักรพงษ์ และเจ้าของเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังเผยแพร่ข้อมูลเท็จต่อสาธารณะเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมายังไม่เคยได้พูดคุยกับนายจักรพงษ์ แต่ได้รับจดหมายแจ้งมาว่าจะฟ้องร้องกลับ
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับความเสียหายจากการเข้าไปร่วมลงทุนถือหุ้นราว 40% ในโรงงานน้ำดื่มMNB ในเครือของ JKN ที่ปราจีนบุรี เนื่องจากมีการปิดกิจการลง พร้อมกับโยกย้ายเครื่องจักรและอุปกรณ์บางส่วน รวมทั้งสต็อคสินค้าออกไป โดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบ
ซึ่งเรื่องทั้งหมดสร้างความเสียหายอย่างมากต่อบริษัท ซึ่งนอกเหนือจากการแจ้งความเอาผิดตามกฎหมายแล้ว ยังเตรียมที่จะไปยื่นเรื่องให้กับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต.เพื่อให้เข้ามาตรวสอบในเรื่องนี้อีกด้วย

สำหรับการปิดโรงงานน้ำดื่ม เป็นแนวทางแก้ปัญหาของ JKN ที่แถลงไว้ว่าจะขอโฟกัสธุรกิจหลัก ส่วนบริษัทลูกที่ไม่สามารถสร้างรายได้ หรือไม่เกี่ยวข้องจะถูกขายออกไป โดยโรงงานน้ำดื่ม แอน ตั้งความหวังไว้ว่าจะผลิตน้ำดื่มในแบรนด์ MUO โดยเป็นน้ำแร่จากไอซ์แลนด์ มีการเปิดตัวอย่างใหญ่โต แต่สุดท้ายยอดขายไม่เป็นไปตามที่คาด เนื่องจากปัญหาเรื่องสภาพคล่อง และลูกค้าแบรนด์ต่างๆ ยังไม่ให้ความสนใจ
ทางด้านบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัดได้ทำหนังสือตอบข้อซักถามของตลาดหลักทรัพย์แห่งประทศไทย ที่ให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมในหมายเหตุประกอบงบการเงินไตรมาส 3/66 นั้น บริษัทขอชี้แจงข้อเท็จจริงวาเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 บริษัท ทีซีจี โซเชียล มีเดีย กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้องกล่าวโทษบริษัทและกรรมการผู้จัดการว่ากระทำผิดความอาญาและข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์กรณีออกเหรียญ Miss Universe Coin และขอคิดค่าความเสียหาย 1,000 ล้านบาท
ฝ่ายบริหารของบริษัทฯ เห็นว่าการที่บริษัทฯ และกรรมการผู้จัดการ ได้ประกาศข้อความแจ้งเตือนประชาชนและนักลงทุน ซึ่งเป็นการกระทำที่สุจริตและเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ จึงพิจารณาว่าเป็นข้อยกเว้นตามกฎหมาย และไม่ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามที่โจทก์ได้ยื่นฟ้องต่อศาล บริษัทฯ มีความเห็นว่าโอกาสความเสียหายยังมีความไม่แน่นอนจึงไม่มีการตั้งประมาณการความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในงบการเงิน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากศาลยังไม่รับฟ้องจนกว่าการไต่สวนมูลฟ้องจะเสร็จสิ้น และจะมีผลต่อเมื่อศาลมีคำสั่งว่า คดีนี้มีมูลเพียงพอที่จะรับไว้พิจารณา และเนื่องจากผลกระทบดังกล่าวยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน บริษัทฯ จึงยังมิได้ตั้งประมาณการความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในงบการเงินดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความมั่นใจในการจัดเตรียมข้อมูลที่จะให้กับศาล และเชื่อได้ว่าจะดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้เรียบร้อย
สำหรับราคาหุ้น JKN ตั้งแต่วันที่ 17 - 23 พฤศจิกายน ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 159.25% เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้น และคาดหวังว่าเวทีมิสยูนิเวิร์ส จะทำให้บริษัทมีรายได้ แต่การฟ้องร้องของบริษัทผู้ร่วมทุนส่งผลให้ราคาหุ้นวันที่ 24 พฤศจิกายน อยู่ที่ 0.52 บาท ปรับลดลง -0.18 บาท หรือประมาณ 24.29%