ถือเป็นการเรียกความเชื่อมั่น ต่อเหตุการณ์ “รถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง หรือน้องเก๊กฮวย ที่เกิดเหตุ ‘ล้อหลุด’ ล้อตกลงมาจากที่สูง ใส่รถแท็กซี่ 1 คัน” เมื่อ 2 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ขณะนี้ ผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง 4 หน่วย คือ กรมการขนส่งทางราง การรถไฟฟ้าขนส่งแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผู้รับสัมปทาน และบริษัทผู้ผลิต นำทัพเข้าอาคารซ่อมบำรุง เมื่อ 4 มกราคม 2567 เพื่อตรวจสอบความพร้อมและความปลอดภัย ก่อนให้บริการ ยืนยันแล้วว่า ขณะนี้ ไม่เฉพาะน้องเก๊กฮวยคันเกิดเหตุ แต่รถไฟฟ้าทั้ง 30 ขบวน ได้เข้ารับการตรวจสอบ แบบ All Check 100% แล้ว มีความปลอดภัยในการเดินทางทุกขบวน จึงขอให้มั่นใจ ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก
คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) บริษัทในเครือบีทีเอส ในฐานะผู้รับสัมปทาน โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ช่วงสำโรง-ลาดพร้าว แถลงสร้างความเชื่อมั่น ยืนยันรถไฟฟ้า โมโนเรล ยังปลอดภัยแน่นอน ชี้เรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ แต่เชื่อจะไม่เกิดขึ้นอีก สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกไม่สบายใจ และกล่าวขอโทษประชาชนผู้ใช้บริการ ล่าสุด ได้ให้บริษัท อัลสตอม ประเทศไทย ผู้ผลิตรถไฟฟ้า นำรถทั้ง 30 ขบวน ตรวจสอบล้อประคองใหม่ โดยดำเนินการเสร็จแล้ว กว่า 600 ล้อ จากทั้งหมด 1,080 ล้อ คิดเป็น 60% และจากนี้ทางบริษัทผู้ผลิตฯ จะส่งลูกปืนล็อตใหม่มาเปลี่ยนทั้งหมด รวมถึงเพิ่มความถี่ในการซ่อมบำรุงให้มากขึ้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน ส่วนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ล้อประคองร่วงหล่น ทางบริษัทจะดำเนินการเยียวยาตามกฎหมายให้ดีที่สุด
สำหรับการเข้าตรวจสอบครั้งนี้ ประกอบด้วยคณะผู้บริหารจำนวนมากทั้งนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ, นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการ, ดร.ชัยศักดิ์ ศรีเศรษฐนิล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส อินฟราสตรัคเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด, นายสุมิตร ศรีสันติธรรม ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และนายโทบี้ ไทเบอเกียน กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก บริษัท อัลสตอม ประเทศไทย (Alstom Thailand) ตรวจความพร้อมรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ณ อาคารซ่อมบำรุง (Main Workshop) รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง
ขณะที่ นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าฯ รฟม. ให้มุมมองด้านความปลอดภัยประชาชน ระบุอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเพราะรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ‘ความปลอดภัยต่ำ’ โดยการที่ล้อประคองหลุดออกจากตัวรถได้ง่ายขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องปกติ และอันตรายมาก เพราะชิ้นส่วนของระบบเดินรถแต่ละชิ้น ‘น้ำหนักมาก’ รัฐจึงควรต้องสั่งให้ผู้ประกอบการเดินรถเร่งหามาตรการป้องกันความปลอดภัยเพิ่มเติม ชี้ถึงการออกแบบที่ไม่มีไม่มีระบบป้องกันสิ่งของหรือชิ้นส่วนของระบบเดินรถตกลงมายังถนนเบื้องล่าง นี่จึงจะเป็นอันตรายต่อผู้ที่สัญจรไปมา มีโอกาสถูกสิ่งของตกใส่ เมื่อรถไฟฟ้ามีปัญหา
ยังชี้ถึง ‘บทลงโทษผู้ประกอบการเดินรถ’ ที่ไม่ควรทำแค่ สั่งหยุดการเดินรถ แต่น่าจะต้องรื้อสัญญาดูรายละเอียด หากพบว่าเอกชนบกพร่องเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัย ถือเป็นเรื่องผิดสัญญา ต้องรักษาสิทธิและสวัสดิภาพให้ประชาชน
