ขึ้นดอกเบี้ย 8 ครั้งติด สัญญาณสิ้นสุดวัฏจักรขาขึ้น ถึงปี 67

28 ก.ย. 2566 - 15:58

  • Krungthai COMPASS มอง กนง. ขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อปี สู่ร้อยละ 2.50 สูงสุดในรอบ 10 ปี

  • ระบุ การขึ้น 8 ครั้งติด ถึงปัจจุบัน ‘เป็นระดับที่เหมาะสม’ คาดคงระดับนี้ตลอดปีหน้า 2567

krungthai-compass-mpc-raises-interest-rates-appropriate-level-SPACEBAR-Hero.jpg

ฉมาดนัย มากนวล และ ชนม์นิธิศ ไชยสิงห์ทอง 2 นักวิเคราะห์ Krungthai COMPASS เผยข้อมูลทิศทางดอกเบี้ย หลัง กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 2.50 ต่อปี ในการประชุมครั้งที่ 5/2566 (เมื่อ 27 กันยายน 2566) พร้อมสื่อสารถึงอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันเป็นระดับที่เหมาะสม โดยมีสาระสำคัญในมิติต่างๆ ดังนี้

• เศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยมีปัจจัยหนุนจากการบริโภคภาคเอกชน แม้เศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวชะลอลงจากภาคการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด ส่วนหนึ่งจากเศรษฐกิจจีน และวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 ขยายตัวได้ที่ร้อยละ 2.8 (จากร้อยละ 3.6) 

อย่างไรก็ดี ปี 2567 เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวได้ร้อยละ 4.4 (จากร้อยละ 3.8) จากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ภาคการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัว รวมถึงแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

• อัตราเงินเฟ้อทั่วไป มีแนวโน้มอยู่ในกรอบเป้าหมาย คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 และ 2567 จะอยู่ที่ร้อยละ 1.6 และ 2.6 ตามลำดับ โดยในปี 2566 อยู่ในระดับต่ำจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐและผลของฐานที่สูงในปีก่อน ขณะที่ปี 2567 มีแนวโน้มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแรงกดดันด้านอุปทานจากปรากฏการณ์เอลนีโญ อีกทั้ง ยังมีความเสี่ยงด้านสูงจากแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่อาจเพิ่มขึ้นจากนโยบายภาครัฐ และปรากฏการณ์เอลนีโญที่อาจรุนแรงกว่าคาด

• มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการเฉพาะจุดและแนวทางการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะมาตรการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) 

ด้านคุณภาพสินเชื่ออาจได้รับแรงกดดันจากความสมารถในการชำระหนี้ของผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนที่ยังเปราะบางจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและรายได้ที่ฟื้นตัวช้า ขณะที่ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง

• ภาวะการเงิน โดยรวมตึงตัวขึ้นบ้างสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังไม่เป็นอุปสรรคต่อการระดมทุนของภาคเอกชนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยสินเชื่อภาคเอกชนชะลอลง หลังจากเร่งไปมากในช่วงวิกฤต แต่ประเมินว่าจะฟื้นตัวสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ด้านตลาดการเงิน มีความผันผวนสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ ปรับอ่อนค่าตามทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบกับนักลงทุนรอความชัดเจนของนโยบายภาครัฐที่อาจมีนัยต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพด้านการคลังในอนาคต

krungthai-compass-mpc-raises-interest-rates-appropriate-level-SPACEBAR-Photo01.jpg

Implication:

Krungthai COMPASS ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% เป็นระดับสูงสุดของวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น (Terminal Rate) สะท้อนจากการสื่อสารของ กนง. ที่ชัดเจนว่า อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว หลังจากที่ได้ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 8 ครั้ง เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มอยู่ในกรอบเป้าหมาย 

นอกจากนี้ แม้ว่า กนง. ไม่ได้ปิดโอกาสของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกจากเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่อาจมีความเสี่ยงด้านสูง แต่ Krungthai COMPASS ประเมินว่าโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะข้างหน้าค่อนข้างจำกัด จากอัตราเงินเฟ้อในระยะยาวที่จะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายแม้มีปัจจัยกดดันจากปรากฏการณ์เอลนีโญ

นอกจากนี้ แรงกดดันภายนอกมีแนวโน้มลดลงหลังธนาคารกลางของประเทศหลักฝั่งตะวันตกมีโอกาสที่จะยุติวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น และคงดอกเบี้ยสูงไว้ต่อไปในระยะข้างหน้า เอื้อให้ ธปท. อาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเช่นกัน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์