กองทุนใหม่ Thai ESG EXTRA หวังชะลอแรงขาย นักวิเคราะห์ ชี้ หุ้นดีดขึ้นเหมือนศพกระตุก

12 มี.ค. 2568 - 08:20

  • Thai ESG EXTRA ชะลอแรงขาย หนุนหุ้นไทยได้ระยะสั้น

  • บล.พาย แนะนำอย่าขาย LTF - โยกมาลงใน Thai ESG EXTRA อย่างน้อยลดหย่อนภาษี ไม่ขาดทุน

  • หุ้น Topic: CPN, CPALL

ltf_thaiesg_set_pi_SPACEBAR_Hero_abd62d8b08.jpg

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปิดช่วงเช้าวันนี้ 12 มีนาคม ที่ระดับ 1,170.60 จุดลดลง 17:03 จุด (-1.43%) มูลค่าซื้อขายราว 20,727 ล้านบาท นักวิเคราะห์หวังกองทุนใหม่ Thai ESG EXTRA จะชะลอแรงขาย ฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย เผยมุมมองหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติจัดตั้งกองทุน Thai ESG EXTRA โดยให้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท กำหนดระยะเวลาถือครอง 5 ปี

"มาตรการนี้อาจสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดหุ้นไทยได้ในระยะสั้น สังเกตได้จากภายหลังการประกาศ ดัชนีหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้น แต่เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของประเทศยังไม่ได้รับการแก้ไข อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะนโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์" นายวทัญกล่าว

ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย เปรียบเทียบการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยว่า "ความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นไทยไม่ได้กลับมาอย่างยั่งยืน มาแค่วูบเดียวเหมือนศพกระตุก ปรับขึ้นแค่ช่วงระยะสั้น แล้วก็ปรับลดลงมาในวันนี้"

สำหรับคำแนะนำแก่นักลงทุนที่ถือกอง LTF เดิม นายวทัญแนะนำไม่ให้ขาย แต่ควรพิจารณาโยกเงินมาลงทุนในกองทุนใหม่ Thai ESG EXTRA เพราะอย่างน้อยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ และไม่ควรขายในช่วงที่ Valuation ของหุ้นไทยยังไม่แพงมาก โดยแนะนำว่าควรรอขายในช่วงที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นไปอยู่บริเวณ 1,300-1,400 จุด จะเป็นจังหวะที่ดีกว่า

ทั้งนี้ นายวทัญเชื่อมั่นว่ากองทุนใหม่นี้จะช่วยชะลอแรงขายในตลาดหุ้นไทยได้ และคาดหวังว่าจะมีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้าสู่ตลาดบ้าง โดยมองว่าหากนักลงทุนถือกองทุนครบ 5 ปี ในกรณีเลวร้ายที่สุดก็น่าจะได้เงินคืนเท่าทุนโดยไม่ขาดทุน

ส่วนกลยุทธ์ในการลงทุนหุ้นไทย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย แนะนำให้ Selective Buy อย่าพยายามมองที่ดัชนีมากเกินไป เน้นเลือกหุ้นที่ ปันผลดี PE ไม่สูง เพราะตอนนี้การเลือกหุ้นไทยอยู่ในโซนจำกัดมากขึ้น หุ้น Topic: CPN, CPALL 

นอกจากนี้ยังมองว่าตลาดหุ้นจีนและเวียดนามน่าสนใจลงทุนมากกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นไทยที่โดนแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง เพราะ 2 ตลาดดังกล่าวข้างต้นกำลังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าตอบโจทย์นักลงทุนได้เป็นอย่างดี

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์