บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ผู้บริหารกองทุนสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. จัดงานสัมมนา "MERKLE MAGNIFICENCE: Potential Unlocked: Investing in Tomorrow's Wealth" เพื่อนำเสนอมุมมองและกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าจับตามองในปี 2025
คุณพีระสิทธิ์ จิวะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมอร์เคิล แคปปิตอล กล่าวในหัวข้อ "The Future of Wealth: Digital Assets and Their Role in 2025" โดยเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของความมั่งคั่งในยุคดิจิทัล ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว และการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัล
"เราอยู่ในช่วงเวลาแห่งการถ่ายโอนความมั่งคั่งครั้งประวัติศาสตร์ คาดการณ์ว่าภายในปี 2573 กลุ่มมิลเลนเนียลจะครองสัดส่วนความมั่งคั่งมากกว่ากลุ่มคนรุ่นก่อนถึง 15 เท่า ปรากฏการณ์นี้กำลังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ" คุณพีระสิทธิ์กล่าว

จุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโลก
การอนุมัติ Bitcoin ETF โดย SEC สหรัฐฯ เมื่อต้นปี 2567 นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่เปิดประตูให้นักลงทุนยุคใหม่เข้าถึง Bitcoin ได้สะดวกขึ้น ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของ Bitcoin ETF พุ่งสูงถึง 115 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.89 ล้านล้านบาท)
ปัจจุบัน Bitcoin ได้รับการจัดอันดับเป็นสินทรัพย์ใหญ่อันดับ 7 ของโลก ด้วยมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1.912 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 64.77 ล้านล้านบาท) รองจากทองคำและหุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Nvidia, Microsoft, Amazon และ Google เท่านั้น
ความน่าสนใจของสินทรัพย์ดิจิทัลได้ขยายวงกว้างจากนักลงทุนรายย่อยไปสู่สถาบันการเงินขนาดใหญ่ทั่วโลก โดยประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกในงานสัมมนาคือ การผสมผสาน Bitcoin และ Ethereum เข้ามาในพอร์ตการลงทุนแบบดั้งเดิมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทน
โอกาสของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลภูมิภาค
ประเทศไทยกำลังเดินหน้าพัฒนาศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค โดยเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐบาลได้มีมติเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน มีเป้าหมายดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินรวมถึงธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีธุรกิจเป้าหมาย 8 ประเภท ได้แก่
1.ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ 2. ธุรกิจบริการการชำระเงิน 3.ธุรกิจหลักทรัพย์ 4.ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 5.ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 6.ธุรกิจประกันภัย 7.ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ 8.ธุรกิจทางการเงินหรือธุรกิจอื่นๆ
อนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2568 เต็มไปด้วยทั้งความท้าทายและโอกาส โดยมีปัจจัยสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี กฎระเบียบ และนโยบายของรัฐ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดในระยะต่อไป ทั้งนี้ การตัดสินใจว่าจะ "เสี่ยง" หรือ "เสียโอกาส" ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของนักลงทุนแต่ละราย

Bitcoin เข้าสู่ 'Roundtrip' แนะจับตา MVRV ต่ำกว่า 1.5 เป็นโอกาสสะสม
ด้านคุณพีรพัฒน์ หาญคงแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน บริษัท คริปโตมายต์ แอดไวเซอรี่ จำกัด ได้นำเสนอมุมมองวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลปัจจุบันและกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมสำหรับปี 2025 ภายใต้หัวข้อ Digital Asset Investment Strategy – Bridging the Gap for All Investors โดยมองว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลปีนี้เป็นที่จับตามอง โดยเฉพาะราคา Bitcoin ปัจจุบันอยู่ที่ 43,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568) ซึ่งถูกมองว่าตลาดกำลังเข้าสู่ช่วง "Roundtrip" หรือภาวะราคาปรับตัวขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้วกลับลงมาที่จุดเดิมอีกครั้ง
สัญญาณที่ต้องจับตาคือ อัตราส่วนมูลค่าตลาดต่อมูลค่าที่รับรู้ (MVRV) - ช่วงที่อัตราส่วน MVRV ต่ำกว่า 1.5 มักเป็นโอกาสที่ดีในการสะสม Bitcoin เนื่องจากราคาอาจต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง รวมถึงข้อมูล Realized Cap HODL Wave ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนที่ถือ Bitcoin มากกว่า 6 เดือนกำลังเทขาย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของตลาด และการเติบโตของ Realized Price สถิติย้อนหลัง 4 ปี แสดงให้เห็นว่า Realized Price มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 61.37% ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนควรใช้ประกอบการตัดสินใจ
กลยุทธ์การลงทุนปี 2025: Cash Out ช่วงเวลาทอง 100 วัน"
คุณพีรพัฒน์ มองว่าในปี 2025 เป็นปีที่ไม่ค่อยเหมาะสำหรับการเก็บสะสมแต่เหมาะกับการ Cash Out และเก็งกำไรมากกว่า นักลงทุนควรพิจารณาเก็บกำไรในช่วงที่อัตราส่วน MVRV สูงกว่า 3 ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีระยะเวลาประมาณ 100 วันให้ดำเนินการ และสิ่งที่น่าสนใจอีกประเด็นคือ Altcoin Season ในรอบนี้มีความแตกต่างจากครั้งก่อน ๆ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากตลาดมีผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันมากเกินไป ทำให้มี Altcoin เพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่สามารถสร้างความแตกต่างและโดดเด่นได้

เปิด 5 เทรนด์การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่น่าจับตาในปี 2025
ด้านคุณกวี ชูกิจเกษม ประธานเจ้าหน้าที่สายการบริหารพอร์ตการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด นำเสนอวิสัยทัศน์ภายใต้หัวข้อ Economic Landscape: Global Trends and Opportunities in 2025 พร้อมเปิด 5 เทรนด์การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่น่าจับตาในปี 2025
1.การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว
อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจะส่งผลต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจและต้นทุนทางการเงินทั่วโลก อย่างไรก็ตามมองว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ จะยังคงเป็นบวกในระยะยาว นักลงทุนควรปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป
2. การเติบโตของกลุ่ม BRICS และการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจ
กลุ่มประเทศ BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) กำลังมีบทบาทมากขึ้นในเวทีเศรษฐกิจโลก และกำลังท้าทายสถานะผู้นำสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีน ที่สำคัญประเทศในกลุ่ม BRICS มีแร่หายากอย่าง Rare Earth ที่พบว่าจีน กลายเป็นแหล่งแร่ Rare Earth ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีปริมาณมากถึง 44 ล้านตัน โดยแร่ชนิดนี้มักนำมาใช้ในการผลิตชิป จึงมองว่าเป็นเหตุผลที่จีนกำลังเริ่มพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้เท่าทันสหรัฐฯ
3\. Quantum Computerกำลังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยมีศักยภาพในการเปลี่ยนโฉมหน้าวงการแพทย์ การเงิน และวิทยาศาสตร์
4\. Renewable energyพลังงานหมุนเวียนกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเนื่องจากความกังวลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะสร้างโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการลงทุนและการพัฒนาธุรกิจ
5\. Aging societyการเข้าสู่สังคมสูงวัยทั่วโลกที่นำมาซึ่งความท้าทายทั้งด้านค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและการขาดแคลนแรงงาน แต่ในขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสทางธุรกิจสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุ ภาคธุรกิจที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วจะมีความได้เปรียบในตลาดที่กำลังเติบโตนี้

สำหรับโอกาสของประเทศไทย ยังมีศักยภาพที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจระดับโลกเหล่านี้ หากสามารถปรับตัวและใช้ประโยชน์จากจุดแข็งได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี การรับมือกับสังคมสูงวัย และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินโลกถือเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในอนาคต