นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจาก บลจ.เอ็มเอฟซี ได้นำเสนอกองทุน Bitcoin ETF เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ลงทุนสกุลเงินดิจิทัล Bitcoin ในปี 2567 ที่ผ่านมา ผ่านกองทุน MBTCETF-UI ซึ่งได้รับความสนใจจึงต้องเพิ่มขนาดกองทุนเป็น 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับเงินลงทุนและล่าสุด บลจ.เอ็มเอฟซี ได้เปิดตัวกองทุนเปิด “เอ็มเอฟซี อีเธอเรียม อีทีเอฟ แทรคเกอร์” ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (METHETF-UI) ซึ่งมีนโยบายลงทุนใน Ethereum

Ethereum เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด รองจาก Bitcoin ถูกสร้างขึ้นโดย Vitalik Buterin และเปิดตัวในปี 2015 เป็นแพลตฟอร์มอเนกประสงค์สำหรับสกุลเงินดิจิทัลและแอพพลิเคชั่นอื่นๆ แบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่มี Blockchain เป็นเทคโนโลยีเบื้องหลัง โดยรายได้จะมาจากการใช้แพลตฟอร์มที่เพิ่มขึ้น และการสร้างแอปพลิเคชันเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ Ethereum เป็น Programmable Blockchain หรือ Blockchain ที่สามารถให้ผู้ใช้งานใส่ Smart Contract กำหนดเงื่อนไขข้อตกลงระหว่างฝ่ายต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องให้ฝ่ายที่เข้าร่วมรับรู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งของสัญญานั้นเป็นใคร และไม่จำเป็นต้องใช้ตัวกลางใดๆ ขณะที่นวัตกรรมที่ใช้ Ethereum ยอดนิยม ได้แก่ Stablecoins (เช่น USDC ซึ่งมีมูลค่าผูกกับเงินดอลลาร์โดยสัญญาอัจฉริยะ) แอปการเงินแบบกระจายศูนย์ (รวมเรียกว่า DeFi : Decentralized Finance ), NFTs ไปจนถึง GameFi
ทั้งนี้ Ethereum เป็นชื่อของเครือข่าย โดยมีเหรียญ Ether (ETH) เป็นโทเคนสกุลเงินดิจิทัล ที่ใช้ภายในเครือข่าย Ethereum ซึ่งใช้เป็นตัวกลางในการชําระค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม
สำหรับกองทุน METHETF-UI มีนโยบายลงทุุนในหน่วยลงทุนของกองทุน iShares Ethereum Trust ETF (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV ซึ่งกองทุนสามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ในสกุลเงินดิจิทัลอีเธอร์ ไม่เกินร้อยละ 100 ของ NAVโดยกองทุนหลักมีสถานะเป็นกองทรัสต์ตามกฎหมายของรัฐ Delaware ประเทศสหรัฐอเมริกา และจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq โดยมี iShares Delaware Trust Sponsor LLC เป็นสปอนเซอร์ (Sponsor) และมี BlackRock Fund Advisors เป็นทรัสตี (Trustee)
กองทุนหลักมีนโยบายการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้สะท้อนราคาของสกุลเงินดิจิทัลอีเธอร์ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะลงทุนผ่านการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลอีเธอร์โดยตรงแบบ Peer-to-Peer หรือลงทุนผ่านแพลตฟอร์มของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) แม้หน่วยลงทุนจะไม่ได้เทียบเท่ากับการลงทุนตรงในสกุลเงินดิจิทัล อีเธอร์ แต่เป็นทางเลือกที่ทำให้นักลงทุนสามารถมี Exposure ในสกุลเงินดิจิทัลอีเธอร์ผ่านตลาดหลักทรัพย์ ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
“จุดเด่นกองทุน METHETF-UI ช่วยนักลงทุนเข้าถึงการลงทุน Ethereum ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านตลาดหลักทรัพย์ ผ่านการลงทุนในกองทุนหลักที่เน้นลงทุนโดยตรงใน Ethereum และมี BlackRock เป็นผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยการผสมผสานรวมเทคโนโลยีกับ Coinbase Prime ผู้ดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก”
— นายธนโชติ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมระหว่าง Coinbase และ Aladdin® ของ BlackRock ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม การจัดการสินทรัพย์ที่รองรับ iShares ETFs มากกว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก และมีระบบการเก็บรักษาสินทรัพย์ของ Coinbase ผสมผสานระหว่าง Physical security, Multiparty Computation และกระบวนการการควบคุมที่เข้มงวด เพื่อรักษาความปลอดภัยของ Private Keys และทรัพย์สินของลูกค้า
ปัจจุบันกองทุน iShares Ethereum Trust ETF เป็นหนึ่งใน Ethereum ETF ที่มีขนาดใหญ่ ที่ได้รับการอนุมัติจาก SEC สหรัฐฯ ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (AUM) อยู่ที่ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและมีสภาพคล่องซื้อขายสูง โดยปริมาณการ Trade ต่อหนึ่งวันประมาณ 8.8 ล้านหน่วยและ Bid/Offer Spread เพียง 0.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งน้อยมาก
สำหรับผู้สนใจกองทุน METHETF-UI ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีความซับซ้อน (ความเสี่ยงระดับ 8+) จึงเสนอขายเฉพาะผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UI) และผู้ลงทุนสถาบันเท่านั้น เปิดเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 18-27 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท
ทั้งนี้ กองทุนนี้ไม่ถูกจํากัดความเสี่ยงด้านการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไป กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ในสกุลเงินดิจิทัลอีเธอร์ (Ether) ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่รับผลขาดทุนระดับสูงได้เท่านั้น กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และ/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน
