‘รัดเกล้า’ เผย มาตรการเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติรับทราบมาตรการเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เสนอ พร้อมมอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ แล้ว
โดยปัญหานี้ เกิดขึ้น หลัง ปปช.ได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแร่ และมีมติเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 และ 20 สิงหาคม 2563 ให้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบกำกับดูแลและการอนุญาตให้ทำเหมืองแร่และสัมปทานเพื่อจัดทำมาตรการ/ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตเกี่ยวกับการกระทำโดยมิชอบ โดยให้ศึกษาภายใต้บริบทของพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ซึ่งมีคดีร้องเรียนที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 คดี คือ
(1) การอนุญาตให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนแปลงผังโครงการเหมืองแร่ทองคำโดยมิชอบ และ
(2) กรณีอุตสาหกรรมจังหวัดพิจารณาออกใบอนุญาตมีแร่เหล็กไว้ในครอบครองและออกใบอนุญาตขนแร่ให้ผู้ประกอบการเป็นเท็จ
ปปช.พิจารณาแล้ว เห็นควรแก้ปัญหา 3 แนวทาง คือแก้ตั้งแต่ ช่วงการสำรวจแร่ ช่วงระหว่างสำรวจแร่ และช่วงการประทานบัตร (ก่อนการทำเหมือง ระหว่างการทำเหมือง และหลังปิดทำเหมือง) มีสาระสำคัญคือ
1. ช่วงการสำรวจแร่ (ตั้งแต่การขออาชญาบัตร การสำรวจแร่ และภายหลังสำรวจแร่) มีข้อเสนอแนะ ดังนี้
- ประกาศหรือกำหนดระเบียบ ให้พื้นที่ที่รัฐจัดสรรหรือออกให้ประชาชนเพื่อทำการเกษตรกรรม เช่น ที่ดิน ส.ป.ก. หรือที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ให้เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับทำการสำรวจแร่ และทำเหมืองทุกชนิด
- ให้การสำรวจแร่เป็นอำนาจและหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ทำการสำรวจแร่ ทั้งนี้ รัฐอาจจ้างภาคเอกชนดำเนินการ แทนการให้ภาคเอกชนรับอาชญาบัตรสำรวจแร่จากรัฐเหมือนเช่นที่ผ่านมา
- ให้มีการดำเนินการกำหนดคำนิยามของคำว่า ‘พื้นที่แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม’ ที่ชัดเจนไว้เป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
- พิจารณาเสนอเพิ่มเติมกฎหมายให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในช่วงการขออาชญาบัตร เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนอย่างแท้จริง
- ขอประกาศหรือกำหนดระเบียบ โดยกำหนดว่า พื้นที่ใดจะมีการทำเหมือง พื้นที่นั้นควรได้รับ การรับรองเส้นแนวเขตในโซนเป็นที่ยุติของปัญหาการทับซ้อนกันของพื้นที่แล้ว
- พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการสำรวจแร่ ให้เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบและตรวจสอบได้ และติดป้ายประชาสัมพันธ์แบบถาวรในพื้นที่เป็นจุด ๆ โดยแสดง รายนามผู้ได้รับอนุญาต จำนวนพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ระยะเวลาเริ่มต้น - สิ้นสุดการสำรวจแร่ วิธีการสำรวจ และชนิดแร่ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการสำรวจ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับพื้นที่ที่อนุญาตให้ทำเหมืองด้วย
2.ช่วงการประทานบัตร (ให้สิทธิทำเหมืองแร่ - หลังปิดเหมือง) มีข้อเสนอแนะ ดังนี้
- การรับฟังความเห็นของชุมชนในพื้นที่ไม่ครอบคลุมทุกภาคส่วน มีรัศมีครอบคลุมพื้นที่ไม่เหมาะสม ให้หน่วยงานพิจารณาแก้ไขประกาศ ระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับการรับฟังความเห็น โดยกำหนดให้ประกาศเผยแพร่ให้ประชาชน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนภายนอกพื้นที่ สามารถเข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นและคัดค้านได้
- ให้ดำเนินการติดตามและตรวจสอบการเข้าร่วมลงทุนของนักลงทุนต่างชาติโดยพิจารณาการลงทุนทั้งจากหุ้นโดยตรง หุ้นแฝง และการโอนเงินของผู้เกี่ยวข้องที่มีลักษณะของธุรกรรมอำพรางอย่างเคร่งครัด
- การจัดทำรายงาน EIA/EHIA ควรให้มีการเผยแพร่รายงานเป็นระยะ ๆ และนำรายงานฉบับสมบูรณ์ลงเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ พร้อมทั้งควรกำหนดรอบเวลาให้โครงการทำการทบทวน EIA/EHIA และปรับปรุงมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ที่เป็นปัจจุบัน
- การรายงานผลประกอบการ ควรพิจารณาแกไขระเบียบและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการแจ้งรายงานการทำเหมือง โดยกำหนดให้ผู้ถือประทานบัตรใช้การรังวัดแสดงพิกัดการทำเหมืองเพื่อรายงานปริมาณการผลิตแร่ ด้วยการใช้ระบบแสดงพิกัดการทำเหมืองโดยใช้ GPS (Global Positioning System) ควบคู่กับการใช้อากาศยานไรคนขับ Drone
- เสนอแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในการเฝ้าระวังดูแล หรือตรวจสอบผลกระทบอันอาจเกิดจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ ทั้งภายในและภายนอกพื้นที่ประทานบัตรให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ให้มีการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน (Base Line Data) โดยรอบเหมืองเป็นฐานข้อมูลไว้ก่อนอนุญาตประทานบัตร
- ให้มีการจัดทำรายงานการประเมินสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนโดยรอบเหมือง ทุก ๖ เดือน
- ควรจัดให้มีป้ายประกาศ ณ บริเวณพื้นที่ทำเหมืองในพื้นที่ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ให้ประชาชนได้รับทราบว่าการทำเหมืองนั้น ทำในพื้นที่ของหน่วยงานใด เริ่มต้นและสิ้นสุดลงเมื่อใด และทำการส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคประชาชนและภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง สอดส่องดูแลมิให้มีการทำเหมืองแร่โดยผิดกฎหมาย
- ควรกำหนดแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่เหมืองแร่หลังปิดเหมืองกลับมาใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจที่ชัดเจน
3. การใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการในการแก้ไขปัญหาการทุจริตของนักลงทุนต่างประเทศ
กรณีคำจำกัดความของคำว่า ‘นโยบายสาธารณะ’ ยังไม่มีความชัดเจน เห็นควรทำการหารือร่วมกับนานาประเทศ เพื่อผลักดันให้มีคำนิยามที่ชัดเจนว่า ‘การขัดต่อนโยบายสาธารณะ’ มีความหมายครอบคลุมถึงกรณีที่นักลงทุนต่างประเทศมีการทุจริต หรือมีการดำเนินการใดที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือสุขภาพอนามัยของประชาชน พร้อมทั้งเสนอให้มีการเพิ่มเติมคำนิยามดังกล่าวลงในภาคผนวกของอนุสัญญานิวยอร์ก และข้อตกลงการลงทุนระหว่างประเทศ ประเภทต่างๆ ให้ชัดเจนไว้เป็นเงื่อนไขของการที่จะให้ต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน นั้น ไม่มีสิทธิมาฟ้องร้องกรณีมีการทุจริต หรือมีการดำเนินการใดที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือสุขภาพอนามัยของประชาชน
ต้องติดตามต่อไปว่า จุดยุติของแนวทางแก้ปัญหาจะเป็นเช่นไร หลังขณะนี้ ครม.ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น เพื่อให้ได้ข้อยุติในเรื่องนี้ และกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ภายใน 30 วัน เพื่อนำเสนอ ครม. ต่อไป
ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหา กรณีนักลงทุนต่างชาติฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐ โดยวิธีการอนุญาโตตุลาการ และประเทศไทยแพ้คดีที่เอกชนฟ้องร้องตามสัญญาอนุญาโตตุลาการเป็นจำนวนมาก อีกทั้งต้องชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งเป็นภาระด้านงบประมาณแผ่นดิน จากพฤติการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับการทุจริตในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ได้ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศอย่างมาก ภาครัฐจึงต้องควบคุมและตรวจสอบเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ และบริหารจัดการแร่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน