นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะพืชไร่ เช่น มันสำปะหลัง และข้าวเปลือก ซึ่งเกษตรกรทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจำหน่ายสู่ตลาดจำนวนมาก เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายพิชัย นริพทะพันธุ์) ที่มอบหมายให้ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กำกับดูแลเสถียรภาพระดับราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศและยกระดับรายได้ให้เกษตรกร อธิบดีจึงได้สั่งการให้สายตรวจเฉพาะกิจ กรมการค้าภายใน สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมการค้าต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ทหารกองร้อย ตชด. 124 คุมเข้มตามด่านพรมแดนเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้ามันสำปะหลังรวมทั้งสินค้าเกษตรอื่นๆ จากประเทศเพื่อนบ้าน อันจะส่งผลกระทบต่อราคาจำหน่ายผลผลิตภายในประเทศของเกษตรกร

รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เป็นอีกแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำอีกมาตรการหนึ่งของกรมฯ โดยเน้นป้องปราม มิให้มีการขนย้ายสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาภายในประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกรและไม่บั่นทอนราคาที่พี่น้องเกษตรกรจะได้รับซึ่งเป็นการยกระดับรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย

รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เป็นอีกแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำอีกมาตรการหนึ่งของกรมฯ โดยเน้นป้องปราม มิให้มีการขนย้ายสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาภายในประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกรและไม่บั่นทอนราคาที่พี่น้องเกษตรกรจะได้รับซึ่งเป็นการยกระดับรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย

จึงขอฝากเตือนผู้ประกอบการว่าอย่าลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตร เพราะกรมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดในทุกพื้นที่ ทั้งนี้หากพบเห็นการลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตรหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อขายสินค้าเกษตร รวมทั้งทราบเบาะแสการเอาเปรียบเกษตรกรสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดกรณีลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตรหรือขนย้ายไม่เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาต หรือไม่แสดงราคารับซื้อหรือแสดงไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือหากกดราคารับซื้อ ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
