กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนดังไปแล้วสำหรับ ‘บัตรอภิสิทธิ์ชน’ สำหรับเศรษฐี นักธุรกิจ ศิลปินแถวหน้าของโลกที่ต้องมีติดตัวไว้ใช้จ่าย
ถึงไม่ใช้แค่ทำให้เห็นแว่บๆ ก็ดูหรูหรา วีไอพีแล้ว
เหมือนกับ ‘ลิซ่า แบล็กพิงก์’ ที่ถือบัตรซูเปอร์วีไอพีของเกาหลี (ฮุนไดการ์ด เดอะ แบล็ค) มีคนตาดีแอบเห็น และกลายเป็นเรื่องเม้าท์กันว่าศิลปินคนไหนได้ครอบครองบัตรนี้บ้าง
สำหรับบัตรวีไอพีแบบนี้ทั่วโลกก็มีให้ใช้กัน แน่นอนว่าผู้ถือบัตรต้องเข้าหลักเกณฑ์ มาดูกันว่าบัตรอภิสิทธิ์ชนเหล่านี้ จะครอบครองได้อย่างไร
ถึงไม่ใช้แค่ทำให้เห็นแว่บๆ ก็ดูหรูหรา วีไอพีแล้ว
เหมือนกับ ‘ลิซ่า แบล็กพิงก์’ ที่ถือบัตรซูเปอร์วีไอพีของเกาหลี (ฮุนไดการ์ด เดอะ แบล็ค) มีคนตาดีแอบเห็น และกลายเป็นเรื่องเม้าท์กันว่าศิลปินคนไหนได้ครอบครองบัตรนี้บ้าง
สำหรับบัตรวีไอพีแบบนี้ทั่วโลกก็มีให้ใช้กัน แน่นอนว่าผู้ถือบัตรต้องเข้าหลักเกณฑ์ มาดูกันว่าบัตรอภิสิทธิ์ชนเหล่านี้ จะครอบครองได้อย่างไร

บัตรแรกของค่าย อเมริกัน เอ็กซ์เพรส เซ็นจูเลี่ยน การ์ด (American Express Centurion Card) บัตรใบนี้สุดยอดความวีไอพี ไม่เปิดเผยผู้ครอบครองบัตร ไม่ระบุจำนวน ต้องได้รับการเชิญเท่านั้น วงเงินไม่จำกัด ว่ากันว่าคนที่จะได้บัตรใบนี้ต้องใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างน้อย 8 ล้านบาทต่อปี มีรายได้อย่างน้อยปีละ 30 ล้านบาท

บัตรต่อมาคือ เจพี มอร์แกน เชส รีเวิร์ส การ์ด (JP Morgan Chase Reserve Card) แน่นอนต้องได้รับเชิญ มีเงินลงทุนในธนาคาร 330 ล้านบาท วงเงินจำกัด พร้อมบริการพิเศษมากมาย โดยเฉพาะมีบริการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวให้เรียกใช้

2 ใบแรกว่าวีไอพีแล้ว แต่บัตร ดูไบ เฟิร์ส รอยัล มาสเตอร์ การ์ด (Dubai First Royal MasterCard) ก้าวข้ามไปมากกว่านั้น แต่บัตรเดินขอบด้วยทองคำแล้ว ตัวบัตรยังฝังเพชรให้อีก ไม่มีวงเงิน ใช้บัตรซื้ออะไรก็ได้ ไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีค่าธรรมเนียม อยากได้สินค้าอะไรในโลก คนทั่วไปอย่าคิดครอบครอง เพราะมีแค่ราชวงศ์และเจ้าของบ่อน้ำมันในตะวันออกกลางเท่านั้น

ส่วนบัตรของเกาหลีที่ศิลปินเกาหลีใช้ ฮุนไดการ์ด เดอะ แบล็ค (Hyundai Card - The Black) คือบัตรตัวตึงของแท้ ไม่จำกัดวงเงิน เพียงแค่เจ้าของบัตรต้องมีเงินอย่างน้อยประมาณ 500 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายปีละไม่ต่ำกว่า 3.7 ล้านบาท ศิลปิน เคป็อป ชื่อดังหลายคนถือบัตรใบนี้
มีบางคนเปรียบเทียบไว้ว่า บัตรเครดิตเหมือน ‘ยาชา’ ตอนซื้อด้วยบัตรเครดิต ไม่มีความเจ็บปวด สบายใจ แต่เมื่อถึงกำหนดชำระ เหมือนยาชาหมดฤทธิ์ ความเจ็บปวดถามหา
ถือว่าเป็นบัตรเครดิตในตำนานที่หลายคนอยากครอบครอง ถ้าไม่ได้ ก็กลับมาใช้แอปกระเป๋าตังค์ คนละครึ่ง และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแทนไปก่อน
มีบางคนเปรียบเทียบไว้ว่า บัตรเครดิตเหมือน ‘ยาชา’ ตอนซื้อด้วยบัตรเครดิต ไม่มีความเจ็บปวด สบายใจ แต่เมื่อถึงกำหนดชำระ เหมือนยาชาหมดฤทธิ์ ความเจ็บปวดถามหา
ถือว่าเป็นบัตรเครดิตในตำนานที่หลายคนอยากครอบครอง ถ้าไม่ได้ ก็กลับมาใช้แอปกระเป๋าตังค์ คนละครึ่ง และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแทนไปก่อน