กรรมการ กสทช. โดย นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการ กสทช. แถลงสรุปผการประมูลคลื่นความถี่ สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่ ย่าน 850 เมกะเฮิรตซ์ 1500 เมกะเฮิรตซ์ 2100 เมกะเฮิรตซ์ และ 2300 เมกะเฮิรตซ์ ในวันที่ 29 มิ.ย. ที่มีผู้เข้าประมูล 2 ราย คือ บริษัท แอดวานซ์ไวร์เลสเน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) และ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (True)
ผลการประมูล มีการเคาะประมูลเพียง 2 รอบ มีคลื่นความถี่ที่ถูกประมูล 3 คลื่นคือ 1500 MHz จำนวน 4 ชุด คลื่น 2100 MHz จำนวน 3 ชุด และคลื่น 2300 MHz จำนวน 7 ชุด คลื่น 850 MHz ไม่มีผู้ประมูล
รวมมูลค่าคลื่นที่ประมูลได้รวม 41,273,960,000 บาท
โดย AWN ได้คลื่นความถี่ 2100 MHz จำนวน 3 ชุด
ส่วน True ได้คลื่นคือ คลื่น 2300 MHz จำนวน 7 ชุด และคลื่น 1500 MHz จำนวน 4 ชุด
วิเคราะห์ผลการประมูล
AIS มีคลื่นย่าน 2100 MHz อยู่แล้ว จำนวน 15 Mhz แต่เป็นความร่วมือกับ NT และใกล้จะสิ้นสุดระยะเวลาสัมปทานแล้ว การเคาะประมูลได้คราวนี้คือการได้เป็น ‘เจ้าของเอง’ ส่วนที่ ไม่เอาคลื่น 2300 MHz เพราะต้องลงทุนติดตั้งเสาสัญญาณทั่วประเทศ ทุกตำบลตามเงื่อนไขการประมูลที่เป็นเงินลงทุนมหาศาล การไม่เอา 2300 MHz แล้วรอไปลงทุน 3500 MHz จึงน่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่า
ด้าน True เลือกคลื่น 2300 MHz เพราะมีความร่วมมือกับ NT อยู่แล้ว 60 MHZ แต่ใช้ได้เพียง 60% การประมูล คลื่น 2300 MHz จะได้ใช้เต็มเป็นเจ้าของคลื่นเอง เมื่อมีเสาของ NT อยู่แล้ว จึงไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ส่วนการเอาคลื่น 1500 MHz เป็นเหตุผลทางเทคนิค ทางเทคนิคใช้เสา 1500 MHz จะช่วยขยายสัญญาณ คลื่น 2300 MHz ให้ครอบคลุมทั่วประเทศได้ ประหยัดค่าเสา 2300 NHz ได้มาก ผู้เชี่ยวชาญด้านโทรคมนาคมคำนวณว่า ค่าคลื่น 1500 MHz จำนวน 4 ชุด ถูกกว่าต้นทุนติดตั้วเสาสัญญาณ คลื่น 2300 MHz เพิ่ม ลดต้นทุนค่าเสาได้ ประมาณ 10,000 ล้านบาท
หากวิเคราะห์ที่จำนวนคลื่นที่ได้จากการประมูลครั้งนี้ AIS ยังคงมีจำนวนคลื่น มากกว่า True โดย
- AIS มีคลื่นความถี่รวม 1450 MHz ได้คลื่น 2100 MHz รวมแล้ว จำนวน 30 MHz (การคำนวนรวมกับที่มี 2300 MHz ที่มีอยู่แล้ว
- ขณะที่ True เมื่อได้คลื่นรอบนี้ไป ทั้งหมด 1380 MHz คือ คลื่น 1500 MHz จำนวน 20 MHz คลื่น 2300 MHz จำนวน 7 ชุด จะบวกเพิ่มมา 10 MHz รวมคลื่นความถี่
ทำไมทั้ง 2 ค่าย สนใจ 2100 MHz และ 2300 MHz
ทั้งสองคลื่นเป็นคลื่นย่านสูงที่ใช้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมือถือความเร็งสูง ตั้งแต่ 4G ขึ้นไป ต่างกันตรง คลื่น 2100 MHz รองรับเทคโนโลยี FDD (Frequency Division Duplex ) มีหลักการทำงานในการการแบ่ง คลื่นส่ง (downlink) และ คลื่นรับ (uplink) แยกออกเป็นคนละช่วงความถี่ทำให้สามารถรับและส่งได้ในเวลาเดียวกัน ผู้ใช้จะสามารถรับส่งข้อมูลได้พร้อมกันในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะว่ามีการแบ่งคลื่นเป็นสำหรับ Downlink และ Uplink เอาไว้เท่ากัน นอกจากนี้ ยังมีความเสถียรสูง เหมาะสำหรับการให้บริการครอบคลุมพื้นที่กว้าง ทั้งในเขตเมืองและชานเมือง รวมถึงยังเป็นคลื่นหลักในหลายประเทศสำหรับ 5G NSA (Non-Standalone) และรองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ 5G SA (Standalone) ได้ง่าย
คลื่น 2300 MHz รองรับเทคโนโลยี TDD ( Time Division Duplex ) มีหลักการทำงานให้ทั้ง “คลื่นส่ง และคลื่นรับ” ใช้คลื่นเดียวกัน ไม่ต้องมีคลื่นคู่สำหรับ Downlink และ Uplink เหมือน FDD สามารถใช้คลื่นทั้งผืนมาแบ่งให้บริการได้ตามสัดส่วนที่ต้องการ แต่จะต้องแบ่งสลับส่งข้อมูล DL UL ตลอดเวลาซึ่งอาจทำให้ Latency สูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็แทบไม่รู้สึก
แม้ผลการประมูลจะชี้ว่าเอกชนแต่ละรายได้คลื่นในแบบที่ “เหมาะกับกลยุทธ์ของตน” แตกต่างกันไป แต่ในระดับประเทศ การประมูลครั้งนี้ถือเป็น ‘หมุดหมายสำคัญ’ เป็นจุดเริ่มต้นของการวาง ‘โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งชาติ’ ที่จะกำหนดความเร็วและทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลไทยในทศวรรษหน้า
