พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ 14–16 พฤษภาคม 2568 ตามคำเชิญของนายโพไซ ไซยะสอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สปป.ลาว เผย เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า ระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลลาว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนการจัดหาไฟฟ้าให้กับประเทศไทย และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน
ตัดตัวกลางภาคเอกชน – หวังให้รัฐลงทุนตรง ลดต้นทุนทั้งสองฝ่าย
โดย ‘พีระพันธุ์’ ชี้ การหารือในครั้งนี้ มีจุดเน้นสำคัญอยู่ที่การลดการพึ่งพาตัวกลางภาคเอกชนในการจัดหาพลังงานจากลาว โดยฝ่ายไทยเสนอแนวทางให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผ่านบริษัทในเครือ EGATi (บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด) เข้าลงทุนโดยตรงในโครงการพลังงานไฟฟ้าในลาว ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถจัดหาไฟฟ้าในราคาที่เหมาะสมมากขึ้น และยังเป็นการลงทุนที่ไทยสามารถควบคุมคุณภาพและต้นทุนได้ดีกว่าการซื้อไฟจากผู้ผลิตเอกชน
ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการรับซื้อไฟฟ้าจากลาวในปริมาณมาก การเพิ่มบทบาทของรัฐวิสาหกิจไทยในการลงทุนร่วมจึงอาจช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาพลังงานโลกยังคงผันผวน
พบรองนายกฯ ลาว สานต่อความร่วมมือพลังงานในระดับนโยบาย
ทั้งนี้ นอกจากการหารือกับรัฐมนตรีพลังงานของลาวแล้ว รมว.พลังงาน-พีระพันธุ์ ยังมีกำหนดเข้าพบสะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรีของลาว เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านพลังงานในระดับนโยบาย รวมถึงติดตามความคืบหน้าของข้อตกลงระหว่างสองประเทศที่ได้ลงนามไว้ก่อนหน้านี้
ชี้แจงกรณี ป.ป.ช. – หมายเรียกไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พีระพันธุ์ ยังชี้แจง ประเด็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกหมายเรียกฯ เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหา (15 พ.ค.68) กรณีการแจกถุงยังชีพที่มีการติดสติกเกอร์ชื่อและภาพของตนเอง ซึ่งอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดยล่าสุด มีการชี้แจงจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า หมายเรียกดังกล่าวออกโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบ และมีข้อผิดพลาดในการดำเนินการ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้ยอมรับว่าเป็นการส่งหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในปัจจุบันยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายพีระพันธุ์ยืนยันว่า การเดินทางเยือนลาวครั้งนี้เป็นไปตามภารกิจราชการในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว และยังคงปฏิบัติหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง
