ในท่ามกลางการโหมประชาสัมพันธ์ ชู ‘สินค้าทุกท้องถิ่นไทย’ เป็น Soft Power Thailand มีการผลิตกางเกงช้าง ชูเป็นหนึ่งในสินค้าซอฟต์พาวเวอร์ และได้รับความนิยมทั้งกับคนไทย และในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
แต่ไม่นาน ก็มีสินค้าจากจีน ทะลักเข้ามาตีตลาด ดัมพ์ราคาถูกกว่าของไทย เพียงตัวละประมาณ 30 บาท มาตรฐานต่ำ ด้อยค่าสินค้าไทย และทำให้มีหลากข้อสงสัย ถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
เรื่องนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผย ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์ กรณีกางเกงช้างจากจีนเข้ามาตีตลาดกางเกงช้างไทย รวมถึงให้เฝ้าระวังการเลียนแบบกางเกงลายแมวของจังหวัดนครราชสีมาด้วย โดยให้ อธิบดีกรมกรมทรัพย์สินทางปัญญา ลงพื้นที่ไปสำรวจสินค้าในตลาด และไปตรวจสอบการจดทรัพย์สินทางปัญญา จากการสำรวจพบว่า กางเกงช้าง เป็นสินค้าที่มีการจดทะเบียนลิขสิทธิ์สำหรับคนไทยด้วยกัน และได้ประสานด่านศุลกากร ทุกด่าน ให้เฝ้าระวัง ไม่ให้มีการนำสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เข้ามาขายในไทย
ขณะที่อีกด้าน ยังสั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ไปหาแนวทางในการยกระดับ กางเกงช้างให้ ให้ได้รับเครื่องหมาย การันตีคุณภาพ อย่างเครื่องหมาย T Mark และ Thai select รวมไปถึงการให้เครื่องหมายสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ GI เพื่อเป็นการคุ้มครองสินค้าไทย และรับรองว่าเป็นสินค้าที่ได้มาตรฐาน
เราอาจจะต้องใช้สัญลักษณ์ที่เป็นการจองพื้นที่ หรือการสรุปว่าเป็นสินค้าไทย เพื่อเป็นการควบคุมดูแลสินค้าไทย โดยสินค้าที่เข้ามานั้นหากเปรียบเทียบกับสินค้าไทย จะเห็นได้ชัดเจนว่าต่างกันลิบลับในเรื่องของคุณภาพ ซึ่งสินค้าของไทยมีคุณภาพดีมาก ต่างชาติยอมรับ ขณะที่สินค้าที่เข้ามา แม้มีราคาถูกแต่ใส่เพียงครั้งเดียวก็ขาดแล้ว โดยการระงับยับยั้งนั้นเป็นการระงับจากนอกประเทศที่เข้ามาในประเทศ แต่เราต้องคำนึงถึงสินค้าตราช้าง หรือตราแมวที่เป็นของไทยที่มีคุณภาพด้วย เพราะเราต้องส่งเสริม ดังนั้น การที่จะออกกฎเกณฑ์อะไรมาต้องคำนึงทั้งสองด้าน” นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูมิธรรม ยังย้ำ ว่าต้องทำให้เกิดความชัดเจน ระหว่างสินค้าจากไทยและสินค้าจากต่างประเทศ เพราะหากเป็นสินค้าที่หน้าตาเหมือนกันแต่ไม่ได้คุณภาพ จะกระทบกับความเชื่อมั่นต่อสินค้าไทย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และจะเข้มงวดเรื่องลิขสิทธิ์สินค้า เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าลอกเลียนแบบทะลักเข้ามาตีตลาดสินค้าในประเทศ
