พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีจะมีการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณาร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขอำนาจให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะเป็นการเพิ่มอำนาจให้กับ ก.ล.ต.หรือไม่ ว่า ไม่ทราบรายละเอียดกฎหมายดังกล่าว จึงยังไม่อยากจะพูดอะไร ซึ่งหลังการประชุม ครม.ตนเองจะแถลง
“ไม่อยากจะพูดว่าจะเป็นการเพิ่มอำนาจให้กับ ก.ล.ต.หรือไม่ แต่ขอรอให้ผ่านการเห็นชอบของ ครม.ก่อน”
พิชัย กล่าว
พิชัย ยังกล่าวถึงกรณีการเสนอให้ ครม. พิจารณาชื่อประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ ว่า เรื่องยังไม่ถึงตน เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนก็สงสัยเนื่องจากกระบวนการการตรวจสอบนั้นนาน แต่คาดว่าน่าจะใกล้แล้วเสร็จแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามมาตรการแก้ปัญหาการเลี่ยงภาษี โดยกระทรวงการคลังจะมีการออกมาตรการ เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี โดยใช้ตั๋วสัญญาการใช้เงิน หรือ PN หรือไม่ นายพิชัย ยังชี้ว่า เรื่องนี้ขอดูรายละเอียดก่อน รวมไปถึงประเด็น จะเป็นแบบอย่างให้ประชาชนที่ฟังการอภิปราย จะใช้ช่องทางนี้เลี่ยงการชำระภาษี หรือไม่ นายพิชัยก่อนย้อนถามกลับว่า แล้วมันจะเลี่ยงได้อย่างไร พร้อมปฏิเสธตอบคำถามว่า จะมีการวางมาตรการในอนาคตหรือไม่ด้วย
ทั้งนี้ ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ Promissory Note (PN) เป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยบุคคลหนึ่ง ที่เรียกว่า ‘ผู้ออกตั๋ว’ (Maker) เพื่อให้คำมั่นสัญญาว่าจะชำระเงิน ให้กับบุคคลหรือหน่วยงานอื่น (ผู้ถือครองตั๋ว) หรือใช้ให้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ‘ผู้รับเงิน’ (Payee) ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ เช่น จำนวนเงิน วันครบกำหนด และอัตราดอกเบี้ย (ถ้ามี)
กล่าวได้ว่า ตั๋วสัญญาใช้เงิน คือเอกสารทางการเงินชนิดหนึ่งที่ใช้ในการกู้ยืมกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยบุคคลผู้ออกตั๋วได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะใช้เงินภายในระยะเวลาที่กำหนด หากตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นแบบไม่มีเงื่อนไขและสามารถเปลี่ยนมือได้ จะเรียกว่าตราสารเปลี่ยนมือ องค์ประกอบของตั๋วสัญญาโดยทั่วไปจะประกอบด้วย เงินต้น, อัตราดอกเบี้ย, กำหนดวันชำระเงิน, วันสิ้นสุดการชำระเงิน ในบางครั้งอาจจะมีข้อกำหนดในกรณีที่ผู้ออกตั๋วหรือผู้กู้กระทำผิดตามข้อกำหนด ผู้ออกกู้ก็จะยึดทรัพย์สินตามที่ได้กำหนดกันไว้
นอกจากนี้ ยังมีตั๋วสัญญาอีกชนิดที่เรียกว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินตามความต้องการ ตั๋วสัญญาประเภทนี้จะไม่มีกำหนดถึงวันสิ้นสุดการชำระเงินไว้ในตั๋วสัญญากู้เงิน แต่จะขึ้นอยู่กับผู้ออกกู้ว่าจะเรียกเก็บเมื่อไร แต่โดยทั่วไปแล้วผู้ออกกู้จะแจ้งถึงกำหนดเวลาที่ต้องการให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 3-4 วัน สำหรับการกู้ยืมเงินที่เป็นส่วนบุคคลนั้น โดยปกติจะมีการเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งในสัญญาจะระบุถึงในเรื่องของภาษีไว้ด้วย