เวลานี้ ‘ณพ ณรงค์เดช’ คงต้องพิจารณาและไตร่ตรองหาสาเหตุให้ชัดว่า ความขัดแย้งในตระกูลณรงค์เดช กรณีเข้าไปซื้อบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด มาจากอะไร?
หากพิจารณาตามข้อเท็จจริงในอดีต ต้องย้อนกลับไปที่ตระกูลพรประภา นามสกุลเดิมของคุณหญิงพรทิพย์ มารดาของ ‘ณพ’ ก่อนจะแต่งงานเปลี่ยนนามสกุลตามสามี
‘พรประภา’ ต้องเริ่มที่สยามกลการ ผู้จำหน่าย และประกอบรถยนต์นิสสันในประเทศไทย และผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า กลุ่มบริษัทสยามกลการเติบโตด้วย ถาวร พรประภา กับพี่น้อง ที่เริ่มต้นจากร้านขายอะไหล่ ลูกปืน เครื่องจักรกล
อาณาจักรสยามกลการมาเติบโตสุดขีด เมื่อ ‘ถาวร’ ตัดสินใจขายรถยนต์นิสสัน รวมถึงตั้งโรงงานประกอบรถโดยนิสสันญี่ปุ่นให้การสนับสนุน หลายคนจำยังประโยคเด็ดได้
‘เพื่อนที่แสนดี’
การเติบโตของธุรกิจคนจีนในสมัยก่อน เป็นรูปแบบกงสี พี่น้องช่วยกัน จนเมื่อมีลูกหลานมาช่วยงาน ความขัดแย้งจึงเริ่มก่อตัว
รุ่นลูกของถาวรมีทั้งสิ้น 13 คน และถาวรยังมีพี่น้องหลายคน การวางตัวผู้รับสืบทอด ก็คงเป็นเรื่องใหญ่ในตระกูล รุ่นของถาวรเองก็ต้องแยกกันเดินกับพี่ชายที่ร่วมทำกิจการมาด้วยกัน โดยสินธุ์ พรประภา พี่ชายของถาวรแยกออกไปทำธุรกิจเอง ไม่ก้าวก่ายกลุ่มสยามกลการ มีเหตุผลคือแนวคิดทำธุรกิจแตกต่างกัน
มาถึงรุ่นลูกของ ‘ถาวร’ ที่มีคนกล่าวถึงมากที่สุดคือ ‘คุณหญิงพรทิพย์’ … การต่อสู้เพื่อขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในสยามกลการดุเดือด และสุดท้ายก็ต้องมีผู้ชนะเพียงคนเดียว
คุณหญิงพรทิพย์คือตัวแทนของ ‘ถาวรสายลูก’ ต้องช่วงชิงกับ ‘ปรีชา พรประภา’ สายน้อง ที่มีศักดิ์เป็นอาของคุณหญิงพรทิพย์ ต่อสู้กันจนสุดท้าย คุณหญิงพรทิพย์ได้รับชัยชนะ
ปรีชา พรประภา เดินออกจากสยามกลการ
เมื่อจบศึก อา-หลาน ก็มาถึงการต่อสู้ระหว่างพี่น้องบ้าง
คุณหญิงพรทิพย์ กับ พรเทพ เปิดเกมชิงสยามกลการ จนเป็นข่าวต่อเนื่อง มีผู้ติดตามความคืบหน้า เช่นเดียวกับการดูซี่รีส์เกาหลี กลยุทธ์การแก้เกมของทั้ง 2 ฝ่าย เร้าใจมาก
แต่ครั้งนี้ ผู้ที่ต้องเดินออกจากสยามกลการคือ คุณหญิงทิพย์ โดยแยกออกมาทำธุรกิจในนามกลุ่ม KPN ที่มีนำตัวแรกในภาษาอังกฤษ “คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช” มาเป็นชื่อบริษัท
เคพีเอ็น ออกมาเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ซูบารุ และดึงพันธมิตรจักรยานยนต์ยามาฮ่าจากสยามกลการมาดำเนินการเอง ส่วนกิจกรรมบันเทิง ดนตรี ก็เปิดเป็น เคพีเอ็น มิวสิค มาแข่งกับสยามกลการ
อาณาจักรเคพีเอ็นเติบโต แม้จะไม่เทียบเท่าสยามกลการ แต่ด้วยชื่อชั้นของคุณหญิงพรทิพย์ และสามีเกษม ณรงค์เดช ก็เป็นที่ยอมรับในแวดวงธุรกิจ
มาถึงรุ่นลูกชาย 3 คนของคุณหญิงพรทิพย์ ‘กฤษณ์-ณพ-กรณ์’ เข้ามาดูแลกิจการของกลุ่มเคพีเอ็น ที่จัดตั้งขึ้น พร้อมกับการเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เต็มตัว เรื่องราวก็ควรจะจบลงอย่างมีความสุข
แต่เหมือนภาพย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้ง เมื่อตระกูล ‘ณรงค์เดช’ เดินซ้ำรอยเดิมของตระกูล ‘พรประภา’ จากการเข้าซื้อบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ของ นพพร ศุภพิพัฒน์ ในนามของ ณพ ณรงค์เดช ที่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากครอบครัวณรงค์เดช ในเรื่องเงินทุนสนับสนุน ซึ่งทางครอบครัวก็ตอบรับ
จนเมื่อการซื้อขายเรียบร้อย การบริหารจัดการ ดูแลผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น กลายเป็น ‘ณพ’ คนเดียวที่รับไปทั้งหมด ครอบครัวณรงค์เดช ไม่ได้มีส่วนหรือรับรู้ จน ‘กรณ์’ ที่เป็นกรรมการบริษัทต้องลาออกเพราะไม่ได้มีส่วนในการบริหาร หรือรับทราบข้อมูล และเป็นที่มาของการออกแถลงการณ์ตัดความสัมพันธ์ และธุรกรรมต่าง ๆ ระหว่างครอบครัวณรงค์เดช กับ ณพ รวมถึงยังมีคดีอื่นตามหลังมานอกจากคดี วินด์ เอนเนอร์ยี่ ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป
จนสุดท้าย ณพ ณรงค์เดช ก็พ่ายแพ้ให้กับ นพพร ในคดีฟ้องร้องของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้งที่ศาลในอังกฤษ ต้องจ่ายค่าเสียหายกว่าสองหมื่นล้านบาท
หากพิจารณาตามข้อเท็จจริงในอดีต ต้องย้อนกลับไปที่ตระกูลพรประภา นามสกุลเดิมของคุณหญิงพรทิพย์ มารดาของ ‘ณพ’ ก่อนจะแต่งงานเปลี่ยนนามสกุลตามสามี
‘พรประภา’ ต้องเริ่มที่สยามกลการ ผู้จำหน่าย และประกอบรถยนต์นิสสันในประเทศไทย และผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า กลุ่มบริษัทสยามกลการเติบโตด้วย ถาวร พรประภา กับพี่น้อง ที่เริ่มต้นจากร้านขายอะไหล่ ลูกปืน เครื่องจักรกล
อาณาจักรสยามกลการมาเติบโตสุดขีด เมื่อ ‘ถาวร’ ตัดสินใจขายรถยนต์นิสสัน รวมถึงตั้งโรงงานประกอบรถโดยนิสสันญี่ปุ่นให้การสนับสนุน หลายคนจำยังประโยคเด็ดได้
‘เพื่อนที่แสนดี’
การเติบโตของธุรกิจคนจีนในสมัยก่อน เป็นรูปแบบกงสี พี่น้องช่วยกัน จนเมื่อมีลูกหลานมาช่วยงาน ความขัดแย้งจึงเริ่มก่อตัว
รุ่นลูกของถาวรมีทั้งสิ้น 13 คน และถาวรยังมีพี่น้องหลายคน การวางตัวผู้รับสืบทอด ก็คงเป็นเรื่องใหญ่ในตระกูล รุ่นของถาวรเองก็ต้องแยกกันเดินกับพี่ชายที่ร่วมทำกิจการมาด้วยกัน โดยสินธุ์ พรประภา พี่ชายของถาวรแยกออกไปทำธุรกิจเอง ไม่ก้าวก่ายกลุ่มสยามกลการ มีเหตุผลคือแนวคิดทำธุรกิจแตกต่างกัน
มาถึงรุ่นลูกของ ‘ถาวร’ ที่มีคนกล่าวถึงมากที่สุดคือ ‘คุณหญิงพรทิพย์’ … การต่อสู้เพื่อขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในสยามกลการดุเดือด และสุดท้ายก็ต้องมีผู้ชนะเพียงคนเดียว
คุณหญิงพรทิพย์คือตัวแทนของ ‘ถาวรสายลูก’ ต้องช่วงชิงกับ ‘ปรีชา พรประภา’ สายน้อง ที่มีศักดิ์เป็นอาของคุณหญิงพรทิพย์ ต่อสู้กันจนสุดท้าย คุณหญิงพรทิพย์ได้รับชัยชนะ
ปรีชา พรประภา เดินออกจากสยามกลการ
เมื่อจบศึก อา-หลาน ก็มาถึงการต่อสู้ระหว่างพี่น้องบ้าง
คุณหญิงพรทิพย์ กับ พรเทพ เปิดเกมชิงสยามกลการ จนเป็นข่าวต่อเนื่อง มีผู้ติดตามความคืบหน้า เช่นเดียวกับการดูซี่รีส์เกาหลี กลยุทธ์การแก้เกมของทั้ง 2 ฝ่าย เร้าใจมาก
แต่ครั้งนี้ ผู้ที่ต้องเดินออกจากสยามกลการคือ คุณหญิงทิพย์ โดยแยกออกมาทำธุรกิจในนามกลุ่ม KPN ที่มีนำตัวแรกในภาษาอังกฤษ “คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช” มาเป็นชื่อบริษัท
เคพีเอ็น ออกมาเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ซูบารุ และดึงพันธมิตรจักรยานยนต์ยามาฮ่าจากสยามกลการมาดำเนินการเอง ส่วนกิจกรรมบันเทิง ดนตรี ก็เปิดเป็น เคพีเอ็น มิวสิค มาแข่งกับสยามกลการ
อาณาจักรเคพีเอ็นเติบโต แม้จะไม่เทียบเท่าสยามกลการ แต่ด้วยชื่อชั้นของคุณหญิงพรทิพย์ และสามีเกษม ณรงค์เดช ก็เป็นที่ยอมรับในแวดวงธุรกิจ
มาถึงรุ่นลูกชาย 3 คนของคุณหญิงพรทิพย์ ‘กฤษณ์-ณพ-กรณ์’ เข้ามาดูแลกิจการของกลุ่มเคพีเอ็น ที่จัดตั้งขึ้น พร้อมกับการเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เต็มตัว เรื่องราวก็ควรจะจบลงอย่างมีความสุข
แต่เหมือนภาพย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้ง เมื่อตระกูล ‘ณรงค์เดช’ เดินซ้ำรอยเดิมของตระกูล ‘พรประภา’ จากการเข้าซื้อบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ของ นพพร ศุภพิพัฒน์ ในนามของ ณพ ณรงค์เดช ที่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากครอบครัวณรงค์เดช ในเรื่องเงินทุนสนับสนุน ซึ่งทางครอบครัวก็ตอบรับ
จนเมื่อการซื้อขายเรียบร้อย การบริหารจัดการ ดูแลผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น กลายเป็น ‘ณพ’ คนเดียวที่รับไปทั้งหมด ครอบครัวณรงค์เดช ไม่ได้มีส่วนหรือรับรู้ จน ‘กรณ์’ ที่เป็นกรรมการบริษัทต้องลาออกเพราะไม่ได้มีส่วนในการบริหาร หรือรับทราบข้อมูล และเป็นที่มาของการออกแถลงการณ์ตัดความสัมพันธ์ และธุรกรรมต่าง ๆ ระหว่างครอบครัวณรงค์เดช กับ ณพ รวมถึงยังมีคดีอื่นตามหลังมานอกจากคดี วินด์ เอนเนอร์ยี่ ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป
จนสุดท้าย ณพ ณรงค์เดช ก็พ่ายแพ้ให้กับ นพพร ในคดีฟ้องร้องของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้งที่ศาลในอังกฤษ ต้องจ่ายค่าเสียหายกว่าสองหมื่นล้านบาท