นายกฯ รับช่วยอสังหาฯ สั่งตั้งคณะทำงานฯ พิจารณา

11 มกราคม 2567 - 10:46

property-settha-offer-real-estate-stimulate-economy-SPACEBAR-Hero.jpg
  • นายกฯ รับข้อเสนอกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยภาคอสังหาฯ หลัง 7 สมาคม เข้าพบ

  • สั่งตั้งคณะทำงานพิจารณามาตรการเร่งด่วนแล้ว

7 สมาคมอสังหาฯ เฮ! หลังตบเท้าเข้าพบนายกฯ เศรษฐา ยื่น 8 ข้อเสนอขอช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภาคอสังหาฯ เพราะเหตุที่ซึมยาวมานานตั้งแต่โควิด-19 ระบาด ล่าสุด นายกฯ รับลูก สั่งตั้งคณะทำงาน พิจารณาแล้ว 

เรื่องนี้ อิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เผย หลัง สมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์ 7 สมาคม ประกอบด้วย คณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร, สมาคมอาคารชุดไทย, สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย, สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์, สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (10 มกราคม 2567) เพื่อยื่นข้อเสนอกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏว่า นายกฯ ให้การตอบรับ ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีรับข้อเสนอ และให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาข้อเสนอต่างๆ ร่วมกันต่อไป

“สถานการณ์ตลาดอสังหาฯชะลอตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ประกอบกับมีวิกฤตโควิด ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทุกภาคส่วน ปัจจุบันยังไมฟื้นตัวเต็มที่ อีกทั้งค่าครองชีพ ต้นทุนสินค้า อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง การพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงินมีความเข้มงวด ส่งผลต่อกำลังซื้อในตลาดขณะนี้ โดยเฉพาะการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริง ไม่ใช่การเก็งกำไร ทั้ง 7 สมาคมจึงยื่นข้อเสนอให้นายกฯช่วยพิจารณา เพื่อเป็นการช่วยฟื้นฟูตลาดอสังหาฯและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย”

นายอิสระ กล่าว

ย้อนดู 8 ข้อเสนอภาคอสังหาฯ มีอะไรบ้าง

นายอิสระ ยังชี้ถึงข้อเสนอ 8 เรื่อง ซึ่งรวมถึงหลายเรื่องเคยเสนอไปแล้ว ประกอบด้วย
1.การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนเหลือ 1% และค่าจดจำนองเหลือ 0.01% ซึ่งมีการต่ออายุไปแล้วถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยขอให้ปรับหลักเกณฑ์มูลค่าการซื้อที่อยู่อาศัย จากราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 5 ล้านบาทหรือให้สิทธิการลดหย่อน 3 ล้านบาทแรก เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้มีกำลังซื้อที่สูงกว่า 3 ล้านบาท และให้มาตรการดังกล่าวใช้ได้กับบ้านสร้างใหม่ บ้านมือสอง และบ้านปลูกสร้างเอง

2.ขอสนับสนุนให้มีการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง ในอัตราลดหย่อนล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ลดภาระของผู้ที่ต้องการปลูกบ้านบนที่ดินของตนเองและกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภาคส่วนที่เชื่อมโยงกับธุรกิจรับสร้างบ้าน รวมทั้งสนับสนุนให้ผู้รับสร้างบ้านจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น

3. สนับสนุนการมีบ้านหลังแรกของผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลาง โดยพิจารณาดอกเบี้ยอัตราต่ำหรือซอฟต์โลน 3% เป็นเวลา 5 ปีแรก จากสถาบันการเงินของรัฐ, ยกเว้นค่าโอนและจดจำนองบ้านหลังแรกราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท, สนับสนุนเงินดาวน์ผู้ซื้อบ้านหลักแรกจำนวน 100,000 บาทสำหรับบ้านหลังแรกเท่านั้น

4. ขอกระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง แก้ประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่องกำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและพาณิชยกรรม โดยขอให้ ‘ลด’ ขนาดที่ดินของโครงการจัดสรรให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ด้วยการลดขนาดบ้านเดี่ยวจากเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 50 ตารางวา เป็นไม่ต่ำกว่า 35 ตารางวา บ้านแฝดจากเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 35 ตารางวา เป็นไม่ต่ำกว่า 28 ตารางวา และทาวน์เฮาส์ จาก เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 16 ตารางวา เป็นไม่ต่ำกว่า 14 ตารางวา

5. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เช่น ขอให้ลดหย่อนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 50% เป็นระยะเวลา 1 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว แก้ไขอัตราที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ระหว่างการพัฒนาหรือสร้างเสร็จของโครงการที่ยังไม่ได้ขาย และการบริการสาธารณะในโครงการจัดสรร เช่น สโมสร สระว่ายน้ำ คลับเฮาส์ จากกำหนดให้เป็นประเภทอื่นๆ เป็นประเภทที่อยู่อาศัย เป็นต้น

6. พิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องการถือครองที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ เช่น ขยายระยะเวลาการเช่าจาก 30 ปี เป็น 60 ปีโดยกำหนดการเช่าให้เป็นทรัพยสิทธิ, ทบทวนหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ ที่เกี่ยวกับการที่ชาวต่างชาติสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้, ให้วีซ่าระยะยาวต่างชาติ 10 ปี ที่ซื้อที่อยู่อาศัย 10 ล้านบาทขึ้นไปและมิดเทอมวีซ่า 5 ปี ที่ซื้อที่อยู่อาศัย 5 ล้านบาทขึ้นไป

7. ให้ช่วยประสานธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยกเลิกมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Loan-to-Value: LTV เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ

8. ขอให้ทบทวนความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในกระบวนการขออนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ของคอนโดมิเนียมให้ผู้ประกอบการที่ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน สามารถยื่นและดำเนินการจนครบขั้นตอนในการได้รับอนุมัติ EIA ในระหว่างที่ยังไม่ได้โอนที่ดินได้ เพราะกระบวนการอนุมัติมีความซับซ้อน ผูกพันกับหลายภาคส่วน ทำให้มีความเสี่ยงสูงมากในการทำธุรกิจ หากไม่ผ่าน EIA จนทำให้ผู้ประกอบการเสียหายมากจนถึงขั้นล้มละลาย เพราะรับโอนที่ดินที่ราคาสูงมากมาแล้วแต่ไม่สามารถพัฒนาโครงการได้

ข่าวที่น่าสนใจ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์