อคส.เคลียร์ปม ‘ข้าวไฟไหม้’ จากคลังข้าวสิงโตทองไรซ์

9 ม.ค. 2568 - 03:05

  • อคส. แจงยิบ ปมข้าวไฟไหม้คลังสิงโตทองไรซ์ เป็นข้าวผิดชนิด คัดแยกไว้หน้าคลังสินค้า กำลังรอศาลตัดสิน

  • กรณีไฟไหม้ ได้รับเงินประกันแล้ว แต่รับซากทรัพย์คืนไม่ได้ เหตุถูกยึดหน่วง

  • ด้านการเปิดประมูลขายข้าวเข้าอุตฯ 3.85 หมื่นตัน ผู้ซื้อรับมอบแล้ว 3 หมื่นตัน เหลือ 8.24 พันตัน อยู่นอกคลัง ถือว่าผู้ซื้อรับมอบครบแล้ว ยกเลิกสัญญา และคืนหลักประกันให้ผู้ซื้อแล้ว

pwo-case-rice-fire-golden-lion-rice-warehouse-SPACEBAR-Hero.jpg

นายกฤษณรักษ์ ใจดี รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงกรณีที่คลังข้าวสิงโตทองไรซ์ เกิดไฟไหม้และมีการยกเลิกสัญญาซื้อขายข้าวสารในสต็อกจนเกิดการร้องเรียน ว่า ในกรณีที่ข้าวเกิดไฟไหม้ อคส. ได้ดำเนินการคัดแยกข้าวสารมาไว้ที่หน้าคลังสินค้าและคณะทำงานตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าว ชุดที่ 101/2557 เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2558 ได้ตรวจสอบ พบว่า เป็นข้าวผิดชนิด ดังนั้น จึงเกิดข้อพิพาทและอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง

กรณีไฟไหม้ตามข้อ 1 อคส. ได้ทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัย โดยบริษัทประกันภัยได้นำค่าสินไหมทดแทนมาชำระให้กับ อคส. ชนิดข้าวขาว 5% จำนวน 50 กระสอบ เป็นเงิน 82,600.00 บาท และชนิดข้าวเหนียว 10% จำนวน 4,187กระสอบ เป็นเงิน 10,894,574.00 บาท ซึ่ง อคส. ได้ออกเอกสารให้บริษัทประกันภัย เพื่อไปรับซากทรัพย์เรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่สามารถเข้าไปรับซากทรัพย์ได้ เนื่องจากเจ้าของคลังยึดหน่วงซากทรัพย์

ต่อมาองค์การคลังสินค้าได้ออกประกาศการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2563 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 ซึ่งผู้ซื้อได้ทำสัญญาซื้อขายเลขที่ คชก.ซข.(อต.)4/2563 ลงวันที่ 9 กันยายน 2563 จำนวน 38,592.481329 ตัน มูลค่า 319,488,888.03 บาท ผู้ซื้อรับมอบได้ จำนวน 30,348.600 ตัน มูลค่า 251,251,692.12 บาท คงค้างการรับมอบ 8,243.881329 ตัน มูลค่า 68,247,192.18 บาท

ต่อมา ฝ่ายกฎหมายองค์การคลังสินค้าได้ให้ความเห็นว่า “การซื้อขายตามกรณีนี้เป็นการรับมอบสินค้าที่ บจก.สิงห์โตทองฯ หลัง A1 เมื่อกองข้าวที่มีสภาพไฟไหม้อยู่ภายนอกคลังสินค้า A1 และไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นข้าวจากกองใดจึงเป็นข้อเท็จจริงที่พ้นวิสัยอันจะบังคับเอาได้ตามสัญญาให้ ผู้ซื้อ ต้องรับข้าวซึ่งมีสภาพไฟไหม้ไปตามสัญญา ประกอบกับ ผู้ซื้อ รับข้าวจากคลังสินค้า A1 แล้วคงเหลือเพียงข้าวบางส่วนซึ่งนำออกมาไว้นอกคลังโดยไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นข้าวของคลังสินค้า A1 ซึ่งระบุตามสัญญาซื้อขายแล้วหรือไม่ ทั้งความรับผิดในการส่งมอบข้าวนั้น องค์การคลังสินค้า ในฐานะผู้ขายไม่ต้องรับผิดในจำนวนขายที่ไม่สามารถส่งมอบได้ครบตามสัญญา

ดังนั้น หากข้อเท็จจริง ผู้ซื้อ รับข้าวตามสัญญาในคลังสินค้า A1 แล้ว คงมีเพียงปริมาณข้าวที่อยู่นอกคลังและมีสภาพไฟไหม้ มีการรับมอบตามสัญญาแล้ว ผู้ซื้อ พ้นภาระตามสัญญาซื้อขายแล้ว จึงได้รับหลักประกันที่ใช้ในการค้ำประกันสัญญาคืน” ดังนั้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 อดีตผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ได้อนุมัติให้ยกเลิกการชำระเงินและรับมอบข้าวสารและคืนหลักประกันสัญญาให้กับผู้ซื้อ

ทั้งนี้ องค์การคลังสินค้าได้ดำเนินการตามขั้นตอนด้วยความรอบคอบ ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ในกระบวนการพิจารณาในชั้นศาล

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์