เข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 กับท่ามกลางสภาวะที่เงินทองหายาก แน่นอนว่า ปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ แล้วปัญหาหนี้สินที่มี จะจัดการอย่างไร? เรื่องนี้ไม่เพียงเป็นปัญหาใหญ่ของทุกๆ ครอบครัว แต่ภาพรวมประเทศ ก็หนักหนาสาหัสไม่น้อย เพราะหากย้อนดูตัวเลขสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP จะพบว่า ยังอยู่ในอัตราสูงกว่า 90% ซึ่งเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง
SAM ชี้ช่อง แก้หนี้แบบฉบับ ‘ไม่เป็นภาระ’
อุดม พลสมบัตินันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) หรือ บสส. ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งภายใต้การกำกับดูแลของแบงก์ชาติ ช่วยแก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชน เผย เข้าใจความเดือดร้อนประชาชนในการต้องหารายได้ดูแลครอบครัว ยิ่งมีหนี้สินพ่วงเข้ามาด้วยยิ่งหนักหน่วง แต่ทุกปัญหา ‘มีทางออก’ เชิญชวนคนเป็นหนี้เข้าร่วมโครงการ ‘คลินิกแก้หนี้ By SAM’ ที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจ ช่วยชี้หนทางเคลียร์หนี้ได้อย่างไม่เป็นภาระมากจนเกินไป
ทั้งนี้ ในแต่ละวัน จะมีประชาชนเข้าปรึกษาปัญหาหนี้ ที่คลินิกแก้หนี้ by SAM อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และทุกคนก็ได้รับการแก้ปัญหาเป็นอย่างดี คาดว่า จะทำให้จำนวนตัวเลขช่วยแก้หนี้ปี 2566 ประสบความสำเร็จตามเป้า
SAM วางเป้าปี’66 คนแก้หนี้ 5 หมื่นบัญชี
โดยโครงการคลินิกแก้หนี้ มีนโยบายช่วยเหลือลูกค้าที่เป็นหนี้เสียบัตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศ ณ เดือนกันยายน 2566 จำนวนลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการฯแล้ว สะสมรวม 47,100 ราย (คิดเป็น 134,648 บัญชี ภาระหนี้รวมประมาณ 9,200 ล้านบาท) ส่วนเฉพาะในปี 2566 คลินิกแก้หนี้ได้บรรลุเป้าหมายแล้วประมาณ 65% โดยมีผู้สมัครที่ผ่านคุณสมบัติ 12,700 ราย หรือ 31,999 บัญชี ค่างวดต่อรายเฉลี่ย 2,315 บาท และเฉลี่ย 2.5 บัญชีต่อราย
ซึ่งเป้าหมายในปีนี้ คือจำนวนคนที่สมัครเข้าโครงการการได้ 5 หมื่นบัญชี ซึ่งหากเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดก็ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ความสำเร็จที่แท้จริงคือการให้โอกาสและช่วยเหลือประชาชนได้มีทางเลือกในการแก้ไขหนี้จนปลดเปลื้องหนี้ได้สำเร็จด้วยวิธีการที่สามารถทำได้จริงตามความสามารถของลูกค้า
ตุลาคม-พฤศจิกายน เดือนแห่งการแก้หนี้ โอกาสท้ายปี 2566
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ SAM ยังย้ำ ในฐานะที่ SAM เป็นหนึ่งในหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนช่วยลดปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศผ่าน ‘โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM’ จึงได้จัดงาน Open House ‘เดือนแห่งการแก้หนี้เสียบัตร’ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เริ่มตั้งแต่วันนี้ - 30 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.00 - 19.00 น. ที่สำนักงานคลินิกแก้หนี้ ดิ อเวนิว รัชโยธิน ชั้น 4 โดยเปิดบ้านรับสมัครผู้ที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย (NPL) บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ค้างชำระเกินกว่า 120 วัน รวมทั้งผู้ที่เคยสมัครแล้วยังสมัครไม่สำเร็จ หรือขาดเครดิตบูโร สามารถมาสมัครและส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานคลินิกแก้หนี้ ดิ อเวนิว รัชโยธิน โดยทางโครงการมีตู้ KIOSK ตรวจเครดิตบูโรให้บริการ
อัพเดท คลินิกแก้หนี้ปี 66 ใครบ้างร่วมโครงการได้
สำหรับโครงการคลินิกแก้หนี้ ได้มีการปรับเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ จากเดิมกำหนด Cut off date หรือกำหนดวันที่ ของการเป็นหนี้เสีย จึงจะเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งหากเป็นหนี้เสีย (NPL) หลังวันที่กำหนดไว้ จะไม่สามารถเข้าโครงการได้ ต้องรอประกาศเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์รอบใหม่
ใหม่ : เปลี่ยนเป็น Rolling DPD หมายความว่า ลูกค้าที่เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันและค้างชำระเกินกว่า 120 วัน (ตามรายงานเครดิตบูโร เดือนล่าสุดแสดงการค้างชำระ121 วันขึ้นไป) จะสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ทันที โดยมีผลตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าที่เป็นหนี้เสียตามเกณฑ์ไม่ต้องรอประกาศใหม่จาก ธปท. ดังนั้นลูกค้าที่ค้างชำระตามคุณสมบัตินี้ และต้องการแก้ไขหนี้เสียบัตร สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้
สำหรับคนเป็นหนี้แล้ว เชื่อแน่ว่า ไม่มีใคร ‘อยากหนีหนี้’ เพราะการเป็นหนี้เสีย ส่งผลกับชีวิตคนเป็นหนี้หลายด้าน โดยนอกจากทำให้เสียการควบคุมชีวิตและเครดิตการเงิน เสียโอกาสต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต การแก้ไขเบื้องต้น คือ ต้องลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือเปลี่ยนไลฟ์สไตล์บางอย่างของตัวเอง เพื่อมีเงินเหลือจัดสรรไปชำระหนี้ หรืออีกทางคือ พยายามหารายได้เพิ่ม นั่นเอง ซึ่ง ‘คลินิกแก้หนี้ By SAM’ เป็นทางเลือกสำคัญ ช่วยแนะทางออกตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งยังจะสอดคล้องกับเงินในกระเป๋าลูกหนี้เสีย ได้เป็นอย่างดีด้วย
