สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และประธานกรรมการบริหาร เอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวในงานสัมมนาใหญ่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในหัวข้อ ‘Future Thailand : Energizing Society’ ว่า ธุรกิจด้านพลังงานมีบทบาทที่สำคัญในด้านความมั่นคงของประเทศ ซึ่งในด้านของทิศทางพลังงานในประเทศไทยนั้น มองว่า จะเป็นพลังงานสีเขียวมากยิ่งขึ้น ตามกระแสของโลก ซึ่งสามารถทำให้ต้นทุนถูกลงได้เรื่อยๆ เช่นเดียวกับที่นายทักษิณ ชินวิตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดถึงการปรับลดราคาพลังงาน ก็มองว่า 3.70 บาทนั้นสามารถทำได้ และจะทำให้ต้นทุนของประชาชนถูกลง มีเงินจับจ่ายใช้สอย เป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจมากขึ้น
ทั้งนี้ หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ธุรกิจพลังงานเริ่มจาก ‘ถ่านหิน’ เนื่องจากราคาถูก มีภาครัฐให้การสนับสนุน แต่ก็เป็นพลังงานที่ถูกต่อต้านจากรณีเหมืองแม่เมาะ ทำให้กัลฟ์ทำโรงไฟฟ้าถ่านหินมานาน 7 ปี หรือ 4 รัฐบาล ก็ยังทำไม่สำเร็จ
และต่อมาก็มีการเกิดขึ้นของพลังงานก๊าซธรรมชาติ ที่เป็นทางเลือกที่ดีกว่า และมีบทบาทในการผลิตไฟฟ้าเป็นอย่างมาก เป็นปัจจัยช่วยเพิ่มความมั่นคงพลังงานประเทศมายาวนาน กระทั่งเกิดสถานการณ์สู้รบของรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาก๊าซผันผวน และปรับตัวสูงขึ้นมากอย่างยาวนาน จนกระทบประเทศและประชาชนมาต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทรนด์โลกให้ความสำคัญกับ ‘พลังงานสะอาด’ กัลฟ์ก็มีการลงทุนเพิ่มขึ้นมาเป็นระยะ โดยลงทุนด้านพลังงานสะอาดหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ในช่วงที่เกิดโควิด19 มีการเข้าไปซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเลในประเทศเยอรมนี มีกำลังการผลิตเกือบ 500 เมกะวัตต์ รวมถึงในประเทศอังกฤษ 1,500 เมกะวัตต์ และยังมีการลงทุนในโรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติที่ชิคาโก้อีกด้วย
สาเหตุที่ต้องไปลงทุนในต่างประเทศจำนวนมากเป็นไปทั้ง เพื่อดูการพัฒนาในต่างประเทศว่าไปถึงไหน พร้อมนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศต่อ ที่สำคัญปัจจุบันความต้องการในการใช้พลังงานสะอาดก็มีมากขึ้นด้วย เทคโนโลยีต่างๆ ก็ดีขึ้น ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น พร้อมกับมีราคาที่ถูกลง

GULF ทำธุรกิจหลากหลาย ที่มีอิมแพคต่อประเทศ
สารัชถ์ ยังเผยถึงการทำธุรกิจหลากหลาย ที่แม้ต่างขั้วกับธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะเข้าไปลงทุนใน INTOUCH ซึ่งเป็นธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม มี AIS เป็นบริษัทในเครือ ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจคริปโทเคอเรนซี่ หรือเงินดิจิทัล ว่า ถือเป็นความพยายามที่จะตามให้ทันเทรนด์ต่างๆ ของโลก ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจใหม่ที่ตอบสนองธุรกิจได้ ทั้งปัจจุบันและอนาคต
โดยการลงทุนใน อินทัช เล็งแล้วว่าดี เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะจากสถานการณ์โควิด19 ทำให้ราคาในตลาดค่อนข้างต่ำกว่าพื้นฐาน แง่เทรนด์ธุรกิจก็ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันมีการใช้ดาต้ามากขึ้น ตามปริมาณดาต้าที่เพิ่มขึ้นมหาศาลจากการพัฒนาเทคโนโลยี จึงเลือกลงทุนในอินทัช ซึ่งเป็นบริษัทที่ดี มีทีมบริหารที่ดี เป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ได้ระยะยาว

คริปโท เป็นเทรนด์โลก หนุนรัฐทดลอง ‘ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์’
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF ยังชี้ประเด็นเทรนด์คริปโทเคอเรนซี่ที่เป็นตลาดใหญ่ในทั่วโลก โดยหลายประเทศต่างกำลังปรับตัวใช้ และรวมถึงรัฐบาลไทย ที่ก็จะมีการทดลองใช้คริปโทฯ ที่ภูเก็ต เรียกว่า ‘ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์’ ว่า ทาง GULF มีการพยายามเข้าไปศึกษา และมองเห็นว่า สิ่งนี้หากทำได้จริง จะทำให้เกิดได้ทั้ง 1. Fintech Hub ของเอเชีย 2. จะเกิดเป็น Digital Hub (เป็นคริปโทฮับ ของเอเชีย) เนื่องจากมีคนต่างชาติอยู่ที่ภูเก็ตเยอะ การทดลองที่นั่น ก็จะทำให้ภูเก็ตเป็นบล็อกเชนฮับของเอเชียได้
สำหรับใช้คริปโทที่ภูเก็ต อาจเริ่มจากการซื้อสินค้าทั่วไป ถัดไปอาจเป็นการโอนเงินเข้าออกที่จะถูกกว่าระบบธนาคาร และในอนาคตถ้าไปพัฒนาไปถึงอาจจะกลายเป็น Value Payment ที่ใช้ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ในภูเก็ตได้
