สารัชถ์ ชู Green คือทิศทาง-อนาคตพลังงานไทย

4 ก.พ. 2568 - 02:44

  • สารัชถ์ ขึ้นเวที ‘อนาคตพลังงานไทย’ มุ่งพลังงานสะอาด ตามกระแสโลก

  • เผยเหตุรุกธุรกิจหลากหลาย มีอิมแพคกับประเทศ เล็งแล้วว่าดี เป็นประโยชน์กับธุรกิจ

  • แย้มข่าวดี ไฟฟ้า 3.70 บาท เป็นไปได้

sarath-future-thai-energy-green-gulf-chula-thailand-presidents-SPACEBAR-Hero.jpg

สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และประธานกรรมการบริหาร เอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวในงานสัมมนาใหญ่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในหัวข้อ ‘Future Thailand : Energizing Society’ ว่า ธุรกิจด้านพลังงานมีบทบาทที่สำคัญในด้านความมั่นคงของประเทศ ซึ่งในด้านของทิศทางพลังงานในประเทศไทยนั้น มองว่า จะเป็นพลังงานสีเขียวมากยิ่งขึ้น ตามกระแสของโลก ซึ่งสามารถทำให้ต้นทุนถูกลงได้เรื่อยๆ เช่นเดียวกับที่นายทักษิณ ชินวิตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดถึงการปรับลดราคาพลังงาน ก็มองว่า 3.70 บาทนั้นสามารถทำได้ และจะทำให้ต้นทุนของประชาชนถูกลง มีเงินจับจ่ายใช้สอย เป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจมากขึ้น 

ทั้งนี้ หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ธุรกิจพลังงานเริ่มจาก ‘ถ่านหิน’ เนื่องจากราคาถูก มีภาครัฐให้การสนับสนุน แต่ก็เป็นพลังงานที่ถูกต่อต้านจากรณีเหมืองแม่เมาะ ทำให้กัลฟ์ทำโรงไฟฟ้าถ่านหินมานาน 7 ปี หรือ 4 รัฐบาล ก็ยังทำไม่สำเร็จ 

และต่อมาก็มีการเกิดขึ้นของพลังงานก๊าซธรรมชาติ ที่เป็นทางเลือกที่ดีกว่า และมีบทบาทในการผลิตไฟฟ้าเป็นอย่างมาก เป็นปัจจัยช่วยเพิ่มความมั่นคงพลังงานประเทศมายาวนาน กระทั่งเกิดสถานการณ์สู้รบของรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาก๊าซผันผวน และปรับตัวสูงขึ้นมากอย่างยาวนาน จนกระทบประเทศและประชาชนมาต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทรนด์โลกให้ความสำคัญกับ ‘พลังงานสะอาด’ กัลฟ์ก็มีการลงทุนเพิ่มขึ้นมาเป็นระยะ โดยลงทุนด้านพลังงานสะอาดหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ในช่วงที่เกิดโควิด19 มีการเข้าไปซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเลในประเทศเยอรมนี มีกำลังการผลิตเกือบ 500 เมกะวัตต์ รวมถึงในประเทศอังกฤษ 1,500 เมกะวัตต์  และยังมีการลงทุนในโรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติที่ชิคาโก้อีกด้วย

สาเหตุที่ต้องไปลงทุนในต่างประเทศจำนวนมากเป็นไปทั้ง เพื่อดูการพัฒนาในต่างประเทศว่าไปถึงไหน พร้อมนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศต่อ ที่สำคัญปัจจุบันความต้องการในการใช้พลังงานสะอาดก็มีมากขึ้นด้วย เทคโนโลยีต่างๆ ก็ดีขึ้น ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น พร้อมกับมีราคาที่ถูกลง

sarath-future-thai-energy-green-gulf-chula-thailand-presidents-SPACEBAR-Photo01.jpg

GULF ทำธุรกิจหลากหลาย ที่มีอิมแพคต่อประเทศ

สารัชถ์ ยังเผยถึงการทำธุรกิจหลากหลาย ที่แม้ต่างขั้วกับธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะเข้าไปลงทุนใน INTOUCH ซึ่งเป็นธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม มี AIS เป็นบริษัทในเครือ ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจคริปโทเคอเรนซี่ หรือเงินดิจิทัล ว่า ถือเป็นความพยายามที่จะตามให้ทันเทรนด์ต่างๆ ของโลก ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจใหม่ที่ตอบสนองธุรกิจได้ ทั้งปัจจุบันและอนาคต

โดยการลงทุนใน อินทัช เล็งแล้วว่าดี เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะจากสถานการณ์โควิด19 ทำให้ราคาในตลาดค่อนข้างต่ำกว่าพื้นฐาน แง่เทรนด์ธุรกิจก็ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันมีการใช้ดาต้ามากขึ้น ตามปริมาณดาต้าที่เพิ่มขึ้นมหาศาลจากการพัฒนาเทคโนโลยี จึงเลือกลงทุนในอินทัช ซึ่งเป็นบริษัทที่ดี มีทีมบริหารที่ดี เป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ได้ระยะยาว

sarath-future-thai-energy-green-gulf-chula-thailand-presidents-SPACEBAR-Photo03.jpg

คริปโท เป็นเทรนด์โลก หนุนรัฐทดลอง ‘ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์’

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF ยังชี้ประเด็นเทรนด์คริปโทเคอเรนซี่ที่เป็นตลาดใหญ่ในทั่วโลก โดยหลายประเทศต่างกำลังปรับตัวใช้ และรวมถึงรัฐบาลไทย ที่ก็จะมีการทดลองใช้คริปโทฯ ที่ภูเก็ต เรียกว่า ‘ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์’ ว่า ทาง GULF มีการพยายามเข้าไปศึกษา และมองเห็นว่า สิ่งนี้หากทำได้จริง จะทำให้เกิดได้ทั้ง 1. Fintech Hub ของเอเชีย 2. จะเกิดเป็น Digital Hub (เป็นคริปโทฮับ ของเอเชีย) เนื่องจากมีคนต่างชาติอยู่ที่ภูเก็ตเยอะ การทดลองที่นั่น ก็จะทำให้ภูเก็ตเป็นบล็อกเชนฮับของเอเชียได้

สำหรับใช้คริปโทที่ภูเก็ต อาจเริ่มจากการซื้อสินค้าทั่วไป ถัดไปอาจเป็นการโอนเงินเข้าออกที่จะถูกกว่าระบบธนาคาร และในอนาคตถ้าไปพัฒนาไปถึงอาจจะกลายเป็น Value Payment ที่ใช้ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ในภูเก็ตได้

sarath-future-thai-energy-green-gulf-chula-thailand-presidents-SPACEBAR-Photo04.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์