SC ประเดิมลงทุนปี 2567 รวม 25,000 ล้านบาท เปิด 17 โครงการใหม่ มูลค่า 30,000 ล้านบาท พร้อมขยายธุรกิจโรงแรม คลังสินค้า ออฟฟิศ ตั้งเป้ายอดขายนิวไฮ 28,000 ล้านบาท
ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เผยถึงแผนธุรกิจปี 2567 เน้นย้ำ การเติบโตบนความหลากหลาย โดยยกสถานการณ์โควิด-19 ตัวแปรสำคัญสร้างจุดเปลี่ยน สอนให้ทุกๆ ธุรกิจต้องมีการปรับตัวเข้ากับบริบทปัจจุบัน ทั้งนี้ SC เอง ถือว่าอยู่ในยุคที่ 3 หรือทศวรรษที่ 3 SC วางตัว ไม่เป็นเจ้าตลาด แต่เลือกทำธุรกิจหลากหลาย เพื่อพร้อมปรับตัวรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้อีก
“ยุคที่ 3 จะไม่ใช่เราเป็นเจ้าตลาด แต่เป็นยุคความผันผวนเยอะ SC จึงต้องมีความหลากหลาย เราเลยเลือกที่จะมีความหลากหลายในการทำธุรกิจ เพราะตั้งแต่โควิดเกิดขึ้นได้สอนให้เรารู้ว่า เราคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ จบโควิดบางบริษัทก็เจ็บหนัก แต่บางบริษัทก็ได้ประโยชน์ เราเป็นฝั่งได้ประโยชน์ แต่เราไม่ได้หลงตัวเอง เรานั่งคุยกันในบริษัท วิเคราะห์ผลว่ามาจากการทำแบรนด์ดีครึ่งนึง และอีกครึ่งโควิดพัดพาลูกค้าใหม่ๆ มา เราไม่ได้ทำอะไรตรงนั้น ฉะนั้นวันนี้เราต้องเข้าใจตัวเองว่า มันมาจากเราแค่ครึ่งเดียว อนาคตลมอาจจะพัดลูกค้าออกไปก็เป็นได้ นี่จึงเป็นเหตุผลของการมุ่งทำงานให้มีความหลากหลาย รวมถึงกลุ่มลูกค้าบ้านและคอนโดที่ก็ยังคงกระจายในทุกกลุ่ม โดยกลุ่มลูกค้าระดับบนอยู่ที่ 70%”
ณัฐพงศ์ กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน 2567 เริ่มเห็นกำลังซื้อของต่างชาติกลับเข้ามาแล้ว โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม เริ่มดีขึ้นมากกว่าปี 2566 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะกลับเข้ามาทุกเซกเมนต์ ทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม โดยในปี 2566 SC ทำยอดขาย 27,945 ล้านบาท เติบโต 14% ทำนิวไฮ 4 ปีต่อเนื่อง
ปัจจุบัน SC มียอดขายรอโอน (Backlog) รวมกว่า 15,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 40% คอนโด 60% โดย Backlog แนวราบจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในครึ่งแรกปีนี้ ส่วน Backlog จากโครงการแนวสูง ซึ่งในปีนี้จะมีคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่ 2 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 7,000 ล้านบาท ได้แก่
- โครงการ สโคป ทองหล่อ (Scope Thonglor) มูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท และ
- โครงการ เรฟเฟอเรนซ์ สาทร-วงเวียนใหญ่ (Reference Sathorn-Wongwianyai) มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 60%
SC กับการขับเคลื่อนธุรกิจ ปี 2567
ซีอีโอ เอสซี แอสเสท เผยถึงทิศทางขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กรในปี 2567 โดยขยายความถึง การลงทุนในหลากหลายธุรกิจว่า ในส่วนนี้บริษัทวางงบลงทุนทั้งหมด 25,000 ล้านบาท เพื่อลงทุน...
- ซื้อที่ดิน 10,000 ล้านบาท
- และสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย อีก 15,000 ล้านบาท โดยเป็นค่าก่อสร้าง ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ ทั้งคลังสินค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ปี 67 วางเป้าเปิดโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาทแบ่งเป็นโครงการใหม่ แนวราบ 15 โครงการ มูลค่า 25,000 ล้านบาท โดยมีไฮไลท์แบรนด์ใหม่ชื่อ Connoisseur (คอนนาเซอร์) ราคาเริ่มต้น 80 ล้านบาท และบ้านไลฟ์สไตล์เฉพาะ ขณะที่แนวสูง 2 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ภายใต้ แบรนด์ Reference ทำให้ปัจจุบัน SC จะมีโครงการเพื่อขายทั้งสิ้น 86 โครงการ มูลค่ารวม 91,000 ล้านบาท
ทิศทางธุรกิจ 5 ปี (67-71) เติบโตบนความหลากหลาย
สำหรับแผน 5 ปี SC วางเป้าสร้างรายได้สะสมรวม 5 ปี จากหลากหลายธุรกิจมากกว่า 150,000 ล้านบาท เน้นย้ำ ‘การลงทุนอย่างเหมาะสม’ เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนทุน D/E น้อยกว่า 1.5 ส่วนผสมกำไร จากธุรกิจที่หลากหลาย โดยมีกำไรจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ มากกว่า 25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 15%
ส่วนธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ จาก 4 ธุรกิจ แบ่งเป็น
1. อาคารสำนักงานให้เช่า มีพื้นที่เช่ารวม 120,000 ตารางเมตร จากอาคารสำนักงานรวม 6 อาคาร
2. โรงแรม มีจำนวนห้องพักรวม 545 keys จากโรงแรม 3 โครงการ เปิดแล้วที่ YANH ราชวัตร 78 keys กำลังจะเปิดปลายปีนี้ Kromo (ครอโม) ทำเลสุขุมวิท 29 บริหารโดย Curio Collection by Hilton 306 keys และเปิดต้นปีหน้า ทำเลพัทยา 161 keys
3. คลังสินค้า มีพื้นที่เช่ารวม 160,000 ตารางเมตร จากคลังสินค้ารวม 4 โครงการ ดำเนินการแล้วที่ทำเลนครสวรรค์ 16,000 ตารางเมตร กำลังจะเปิดในปีนี้และปีหน้าอีก 144,000 ตารางเมตร ใน 3 ทำเล บางนา กม.20 บางนา กม.22 และแหลมฉบัง และยังมีการร่วมลงทุนกับสตอเรจ เอเชีย บุกตลาด Self Storage ภายใต้แบรนด์ i-Store
4. อสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าในสหรัฐอเมริกา มีห้องพักรวม 78 ห้อง ใน 4 ทำเลใจกลางเมืองบอสตัน
“SC พร้อมและมุ่งมั่นสำหรับการเติบโตในทศวรรษที่ 3 ตามวิสัยทัศน์ SC the Evolution เติบโตด้วยการปรับตัวตามบริบท เติบโตด้วยการสร้างคุณค่าสู่คนและโลก เติบโตด้วยธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม คลังสินค้าออฟฟิศ”
ณัฐพงศ์ กล่าว
