‘บล.พาย’ แนะรอจังหวะซื้อหุ้นสหรัฐฯ-หุ้นไทยไม่ถูกอย่างที่คิด-ทองคำพักตัวเพื่อไปต่อ
ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ชี้ตลาดหุ้นทั่วโลกผ่อนคลายได้เพียงระยะสั้น สงครามการค้ายังยืดเยื้อ แนะนักลงทุนควรระมัดระวัง รอจังหวะที่เหมาะสม เผยเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำเพียง 1-1.5% ขณะทองคำพักตัวหลังขึ้นแรง มองเป็นโอกาสซื้อที่แนวรับ 3,150 ดอลลาร์
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย เปิดเผยมุมมองต่อภาวะตลาดการเงินว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกอาจผ่อนคลายได้เพียงในระยะสั้น หลังจากที่หุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยภาพรวมยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ
"ถ้าใครจำได้ ในช่วงปี 2018-2019 ทรัมป์ก็เคยกล่าวว่า สี จิ้น ผิง เป็นเพื่อนกัน รักกันดี แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน กลับมีการประกาศว่าคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว และหุ้นก็กลับมาตกอีกรอบ เป็นภาพที่เราเคยเจอมาหลายรอบแล้ว" นายวทัญกล่าว
ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ชี้ว่า การดีดตัวของดัชนี S&P 500 เป็นเพียงการรีบาวด์หลังลงมาประมาณ 20% จากจุดสูงสุด แต่สงครามการค้ายังเป็นปัจจัยกดดันสำคัญ แม้หลายประเทศพยายามเข้าไปเจรจากับสหรัฐฯ แต่ยังไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน
"ในช่วง 90 วันที่เป็นช่วงเว้นว่างของการขึ้นภาษี ทุกคนจะชะลอการลงทุนและการบริโภค ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะในไตรมาส 2" นายวทัญกล่าว
สำหรับหุ้นไทย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย มองว่าไม่ได้ถูกอย่างที่หลายคนเข้าใจ แม้ SET Index จะลงมาจากระดับ 1,700-1,800 จุด มาอยู่ที่ประมาณ 1,150 จุด แต่พิจารณาจากค่า P/E ที่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 12.5 เท่า ยังถือว่าแพงเมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาค เช่น ฮ่องกงและเกาหลีที่มี P/E ประมาณ 10 เท่า คำถามคือ ทำไมเราต้องจ่ายพรีเมี่ยมให้กับตลาดที่กำไรไม่โต? ล่าสุด IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกเหลือ 2.8% ส่วนประเทศไทยเหลือเพียง 1% และหลายสถาบันการเงินมองว่าไทยจะโตเพียง 1.4-1.5% เท่านั้น
ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 1 มกราคม - 20 เมษายน 2568 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย 11 ล้านคน หรือโตเพียง 0.5% เท่านั้น เดือนมีนาคม มีนักท่องเที่ยวประมาณ 2.7 ล้านคน ซึ่งว่าต่ำกว่าปีก่อนหน้า
สำหรับโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่าส่วนตัวยังชอบหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นจีน แต่ขอรอราคาปรับลงมาในระดับที่เหมาะสมกว่านี้
"ตลาดหุ้นอเมริกาลงมา 20% แล้ว แต่ค่า P/E ยังอยู่ที่ประมาณ 30 เท่า ซึ่งยังแพงอยู่ ผมอยากรอให้ S&P 500 ลงไปแถว 4,000 จุด หรือลงเพิ่มอีกประมาณ 30% จึงจะน่าสนใจ" นายวทัญกล่าว
ส่วนทองคำที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ไปแตะระดับ 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย มองว่าเป็นการพักตัวเพื่อไปต่อ โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยทั้งสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย พร้อมแนะนำว่าหากทองคำย่อตัวลงมาที่แนวรับที่ 3,150 ดอลลาร์/ออนซ์ ถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวทิ้งท้ายว่า "การลงทุนที่ดีบางครั้งคือการถือเงินสด นั่งนิ่งๆ และรอโอกาสที่ใช่ ตลาดหุ้นเปิดทุกวัน แต่เราไม่จำเป็นต้องลงทุนทุกวัน ใช้ความระมัดระวังในสภาวะที่สงครามการค้ายังกดดันและเศรษฐกิจมีโอกาสชะลอตัว"