SET ทิ้งดิ่ง! วิกฤตหนักสุดในประวัติศาสตร์ รับแรงกระแทกภาษีนำเข้าทรัมป์

8 เม.ย. 2568 - 05:43

  • นักวิเคราะห์ จาก บล.ดาโอ มองกรอบดัชนีไว้ที่ 1,100-1,150 จุด และแนวรับแข็งแกร่งที่ 1,100-1,110 จุด

  • ปัจจัยหนุนตลาดระยะสั้น FED ลดดอเบี้ย, จีนออกมาตรการเศรษฐกิจ,ทรัมป์หันมาสนใจชาวอเมริกันมากขึ้น หลังมีการประท้วง

  • นักวิเคราะห์แนะถือเงินสดมากกว่า เผยหุ้นเด่น SCB

set-trump-trade war-SPACEBAR-Hero.jpg

ตลาดหุ้นไทยเปิดภาคเช้าวันที่ 8 เม.ย. 2568 ดิ่งแรงกว่า 4% หลุดแนวรับสำคัญ เหตุกังวลภาษีนำเข้าทั่วโลกจากทรัมป์-แผ่นดินไหว-ปัญหาคอร์รัปชัน นักวิเคราะห์เตือนระวังความผันผวน แนะขายลดพอร์ต ถือเงินสด รอจังหวะลงทุนใหม่

วันที่ 8 เมษายน 2568 ตลาดหุ้นไทยเปิดภาคเช้าที่ระดับ 1,077.21 จุด ร่วงลง 48.44 จุด หรือคิดเป็น 4.30% มูลค่าการซื้อขายเพียง 7,313.20 ล้านบาท โดยในระหว่างวันหุ้นไทยปรับตัวลดลงร่วงกว่า 60 จุด ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาปิดตลาดภาคเช้าที่ 1,077.48 จุด ร่วง 47.73(-4.24%) สะท้อนแรงเทขายหนักเกือบทุกกลุ่ม แม้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการประกาศปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor เพื่อจำกัดความผันผวนแล้วก็ตาม

มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นไทยในครั้งนี้ เกิดจากปัจจัยภายนอกที่รุนแรง โดยเฉพาะการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลก 10% ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แม้ไทยจะไม่ใช่ประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐ แต่ก็ถูกเหมารวมด้วย เนื่องจากเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก

นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากเหตุแผ่นดินไหวในภูมิภาค และปัญหาการคอร์รัปชันภายในประเทศ ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ส่งผลให้ดัชนี SET หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,100 จุด ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทยและตลาดโลก

นักวิเคราะห์ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยในปีนี้อาจหายไปมากกว่า 100 จุด โดยให้กรอบดัชนีไว้ที่ 1,100-1,150 จุด และแนวรับแข็งแกร่งที่ 1,100-1,110 จุด

set-trump-trade war-SPACEBAR-Photo01.jpg
Photo: มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ตัวช่วยตลาดที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้น:

 • ความคาดหวังว่า Fed และธนาคารกลางอื่นจะลดดอกเบี้ยเพื่ออัดฉีดสภาพคล่อง

 • การประท้วงในสหรัฐฯ อาจทำให้ทรัมป์กลับมาสนใจภาวะเศรษฐกิจในประเทศ

 • การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีน

 • หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ก.คลัง และ Fed อาจต้องออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อสร้างความมั่นใจ

คำแนะนำการลงทุน:

ในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนสูงแบบนี้ ผู้ลงทุนกว่า 90% อยู่ในภาวะขาดทุน โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ราคาปรับตัวลงจนไม่สามารถขายออกได้ นักวิเคราะห์แนะนำว่าหากยังสามารถขายได้ควรรีบขายเพื่อถือเงินสด และจัดพอร์ตใหม่โดยเน้นหุ้นที่มีเงินปันผลสูง (High Dividend)

หุ้นเด่นแนะนำ:

กลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะหุ้น SCB ซึ่งให้ความคุ้มค่าน่าลงทุนหลังผ่านช่วง XD

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์