เมื่อต้องการให้ ‘ผ้าไทย อยู่ในแฟชันโลก’ ภารกิจการเยือนฝรั่งเศสและอิตาลี ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 16-21 พฤษภาคม 2567 ครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสของ ‘ผ้าย้อมครามสกลนคร’... 1 ในสินค้าอุตสาหกรรมแฟชั่น และ Soft Power ไทย ให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับโลก
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมโรงงาน Zegna บริษัทแบรนด์แฟชั่นของอิตาลีขนาดใหญ่ และมีชื่อเสียงสำคัญ เป็นบริษัทผลิตผ้าทั้ง Wool Cashmere ผ้าฝ้าย ผลิตให้บริษัทใหญ่หลายแบรนด์ดัง เช่น Dior Hermes มีร้านค้าที่พารากอน และจะเปิดสาขาอีก โดยเชื่อว่าเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในไทย มีความเข้าใจในตลาดและเข้าใจความเป็นไทย ผูกพันกับประเทศไทย

โดยนายกรัฐมนตรี ได้นำผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมครามจาก จ.สกลนคร มาเสนอ ซึ่งทางบริษัทจะส่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ไปสำรวจว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะนำผ้าย้อมครามมาผลิตภายใต้แบรนด์ของเขา เพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์มาขาย
โชว์จุดเด่น โดยผ้าย้อมครามไทย
งานนี้ นายกรัฐมนตรี โชว์จุดเด่น ‘ผ้าย้อมคราม’ อยู่ภายใต้โครงการในพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เป็นความภาคภูมิใจของสินค้าพื้นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และสามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าของ Zegna ที่กระจายสินค้าไปทั่วโลกได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะในอีก 2 สัปดาห์ทางบริษัทจะเดินทางไปประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการหารือกับผู้บริหารของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก Loro Piana ซึ่งถือเป็นคู่แข่งสำคัญของ Zegna เป็นบริษัทที่ทำเรื่องผ้าเหมือนกัน แต่เน้นหนักไปทางเสื้อผ้าฤดูหนาว ซึ่งปัจจุบันได้หันมาทำเสื้อผ้าฤดูร้อนค่อนข้างเยอะพอสมควร ซึ่งเมื่อ 7 เดือนที่ผ่านมาได้ไปเปิดร้านที่สยามพารากอนและประสบความสำเร็จอย่างมากมายเกินความคาดหมาย จึงเป็นเหตุผลที่คณะทำงานของตนเลือกมาเจอ และเขาก็ชื่นชมว่าประเทศไทยมีความเข้าใจเรื่องแฟชั่น และสามารถเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเครื่องจักสานที่จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการทำกระเป๋า และผ้าย้อมครามจากโครงการดอนกอย จ.สกลนคร ที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลคชั่นในอนาคต
และที่น่าสนใจคือในปัจจุบันแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก หากมีการปล่อยสินค้าหรือเปิดคอลเลคชั่นใหม่ จะมีการตั้ง Pop up store ซึ่งเป็นร้านเล็กๆที่ไม่ได้อยู่ในห้างหรือ อยู่แบบถาวร จะไปเปิดตามชายหาดหรือสถานที่ต่างๆที่มีเวลาจำกัด ซึ่งอาจจะทำที่เชียงใหม่หรือภูเก็ต เป็นการขยายลูกค้า ทำให้มีการท่องเที่ยวที่ดีด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการหารือกับ Carlo Capasa ประธานหอแฟชั่นอิตาลีแห่งชาติ (Chairman of the National Chamber of Italian Fashion) ซึ่งเป็นสมาคมที่ดูด้านแฟชั่นทั้งหมดของอิตาลี ว่า เป็นที่น่าสนใจเพราะจีดีพีของอิตาลีขึ้นอยู่กับแฟชั่น ซึ่งส่งออกแฟชั่น 90% ขณะที่ 10 % ใช้ภายในประเทศ ซึ่งแบรนด์ต่างๆ ที่รวมตัวเป็นสมาคมมีความแน่นแฟ้น และมีการพูดคุยตลอดเวลา มีการแลกเปลี่ยนความรู้ มีการจัดนิทรรศการต่างๆ เพื่อให้ความรู้ และเชื่อมโยงกับสถาบันสอนแฟชั่นของมิลาน
โดยมีการพูดคุยว่าจะนำนักเรียนไทยด้านแฟชั่นมาศึกษาต่อที่นี่ ขณะเดียวกันก็จะมีการช่วยเหลือในการจัดแฟชั่นโชว์ระดับโลกที่เมืองไทย และการจัดนิทรรศการโดยเอาดีไซน์เนอร์ทั้งที่มีชื่อเสียงและเป็นรุ่นต่อไปที่จะมีชื่อเสียงจากอิตาลีไปแสดงที่ประเทศไทย รวมถึงจัดให้มีการสอนหนังสือเป็นกรณีพิเศษเกี่ยวกับเรื่องแฟชั่นที่ประเทศไทยเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องที่ดีที่เราพยายามให้เขาเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการหารือกับ Carlo Capasa ประธานหอแฟชั่นอิตาลีแห่งชาติ (Chairman of the National Chamber of Italian Fashion) ซึ่งเป็นสมาคมที่ดูด้านแฟชั่นทั้งหมดของอิตาลี ว่า เป็นที่น่าสนใจเพราะจีดีพีของอิตาลีขึ้นอยู่กับแฟชั่น ซึ่งส่งออกแฟชั่น 90% ขณะที่ 10 % ใช้ภายในประเทศ

ซึ่งแบรนด์ต่างๆ ที่รวมตัวเป็นสมาคมมีความแน่นแฟ้น และมีการพูดคุยตลอดเวลา มีการแลกเปลี่ยนความรู้ มีการจัดนิทรรศการต่างๆเพื่อให้ความรู้ และเชื่อมโยงกับสถาบันสอนแฟชั่นของมิลาน โดยมีการพูดคุยว่าจะนำนักเรียนไทยด้านแฟชั่นมาศึกษาต่อที่นี่ ขณะเดียวกันก็จะมีการช่วยเหลือในการจัดแฟชั่นโชว์ระดับโลกที่เมืองไทย และการจัดนิทรรศการโดยเอาดีไซน์เนอร์ทั้งที่มีชื่อเสียงและเป็นรุ่นต่อไปที่จะมีชื่อเสียงจากอิตาลีไปแสดงที่ประเทศไทย รวมถึงจัดให้มีการสอนหนังสือเป็นกรณีพิเศษเกี่ยวกับเรื่องแฟชั่นที่ประเทศไทยเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องที่ดีที่เราพยายามให้เขาเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น