นางณฐิยา ดวงจินดา ผู้เสียหายจากการลงทุนในหุ้นกู้ STARK กว่า13 ล้านบาทในฐานะตัวเเทนกลุ่มผู้เสียหายตัวจริง กล่าวว่า นอกจากคดีอาญาที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษยื่นฟ้องไปแล้ว ทางผู้เสียหายตัวจริงได้ยื่นฟ้องเป็นคดีแบบกลุ่มที่ศาลเเพ่งกรุงเทพใต้ โดยใช้โจทก์ฟ้องแค่3คน
โดยเนื้อหาคดีนี้จะครอบคลุมผู้เสียหาย ครบคนทุกคน 4,000 กว่าราย ให้ได้รับการเยียวยาเท่าๆ กัน เป็นการดำเนินคดีครั้งเดียวแต่จะช่วยผู้เสียหายทุกคน โดยศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะรับเป็นคดีเเบบกลุ่ม (Class Action )หรือไม่ในวันที่ 21 มีนาคมนี้
ซึ่งเรื่องนี้เป็นความหวังของผู้เสียหายทุกคน เพราะถ้าศาลไม่รับเป็นคดีแบบกลุ่มทุกคนต้องไปยื่นฟ้องกันเองแบบแพ่งสามัญซึ่งผู้เสียหาย4,000 กว่าราย คดีก็จะมี 4,000กว่าคดีในศาลแล้วที่สำคัญคือไม่ใช่ทุกคนที่จะมีศักยภาพในการฟ้องด้วยตัวเองได้ เพราะบางคนมูลหนี้ไม่มากพอ จะต้องจ่ายเงินค่าวางศาล ค่าทนายความ ก็จะรู้สึกว่ายอมจำนนดีกว่า โดยการช่วยเหลือของ นายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความผู้เชี่ยวชาญคดี Class Actionได้เข้ามาช่วยเหลือ โดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย
นางณฐิยา กล่าวด้วยว่า อยากฝากถึงนายวนรัชต์ คือ พวกเราผู้เสียหายควรได้สิ่งที่สูญเสียไปคืนอย่างที่ผู้ต้องหาที่ 2 เคยพูดไว้ในศาลว่า เขาเสียใจและอยากจะชดใช้ให้กับพวกเรา ก็อยากให้คำพูดนั้นเป็นการกระทำขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่เพียงแต่พูด อยากเห็นการกระทำตรงนั้นจริงๆ ก็จะดีใจมากถ้าคืนเงินให้ ถ้ายอมรับผิดเราก็พร้อมที่จะให้อภัย ถ้ามีการคืนเงินเยียวยาผู้เสียหายครบ ก็พร้อมจะเเถลงศาลให้บรรเทาโทษ
“ถ้าเกิดเขายอมคืนเงินให้ ก็พร้อมที่จะจบคดี ความผิดเกิดขึ้นแล้วเราก็จะไม่ให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเกิดเขารับผิดชอบ และควรกำหนดเวลาว่าเค้าจะชดใช้เมื่อไหร่ไม่ใช่ 10 หรือ 20 ปีเพราะมันอาจจะเกิดอายุของเราไปแล้วในฐานะผู้เสียหายเราอยากให้ผู้ที่กระทำความผิดเข้ามามาชดใช้ให้กับเราและพวกเราสูญเสียไปมาก”
เธอย้ำ
ด้านนายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากกลุ่มผู้เสียหาย หุ้นกู้ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK อีกกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า ในฐานะของของผู้ร่วมสังเกตการณ์ในการส่งตัวนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ มาฟ้องคดีที่สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งจากที่สังเกตอาการของนายวนรัตน์ ก็สัณนิฐานว่าน่าจะป่วยจริง และขณะนี้ทางอัยการและ DSI ได้มีการนำตัวนายวนรัตน์ดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาล แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าทางศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ ศาลอาจจะมีการพิจารณาว่าหากนำเข้าในเรือนจำอาจจะอาการทรุดส่งผลให้ไม่สามารถให้การต่อศาล ก็อาจกระทบทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาไปด้วย หากศาลพิจารณาให้พักรักษาตัวภายใต้การควบคุมของพนักงานหรือไม่ มองว่าศาลจะมีการพิจารณาตามความเห็นทางการแพทย์
กรณีที่นายวนรัตน์ไม่ได้รับการประกันตัว นายวนรัตน์และจำเลยรายอื่นจะต้องรอในเรือนจำไปถึงช่วงเดือน มิถุนายน 2567 ในฐานะตัวแทนผู้เสียหายต้องการที่จะพูดคุยกับนายวนรัตน์เกี่ยวกับประเด็นที่ปฎิเสธว่าไม่ได้การกระทำผิดและใครเป็นผู้กระทำผิด รวมถึงการชดใช้เยียวยาว่าจะดำเนินการอย่างไรให้กับผู้เสียหาย มองว่าหากมีการแสดงความสุจริตใจพร้อมเยียวยาผู้เสียหาย แสดงความรับผิดชอบพร้อมสำนึกความผิดก็น่าจะมีผลกับทางคดีอาญา