ประวัติย่อการ Disrupt ในโลกยานยนต์ การมาของ EV และม้าชื่อ ‘รถน้ำมัน’ ที่กำลังถูกลืม

29 พ.ย. 2566 - 05:48

  • 137 ปี คือระยะเวลาที่รถยนต์ถือกำเนิดขึ้นบนโลก

  • ม้าหายไป หลังโลกมีรถยนต์ (น้ำมัน) ขณะที่รถน้ำมันกำลังมีชะตากรรมเดียวกัน หลังการมาถึงของ EV

  • เตรียมรับแรงกระแทกจากกระแส EV หลังทุน รัฐ และประชาชนทั่วโลกเริ่มขานรับ EV แล้ว

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Hero_7b1690058d.jpg

“กาลเวลาย่อมกลืนกินสรรพสัตว์ รวมทั้งตัวมันเอง”

อรรถกถามูลปริยายชาดกที่ ๕

ปี 2023 รถยนต์ที่ใช้น้ำมันกำลังตกอยู่ภายใต้สัจธรรมนี้

เมื่อไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์เดินมาถึงจุดเปลี่ยน

รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังมาแทนที่รถน้ำมัน

เหมือนที่ครั้งหนึ่งรถยนต์กลืนกินม้าและสัตว์พาหนะอื่นๆ

รถยนต์คันแรกถือกำเนิดอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 1886 หรือ 137 ปีที่แล้ว คนตัดสายสะดือเป็นชาวเยอรมันชื่อ คาร์ล เบ็นทซ์ (Karl Friedrich Benz)

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo01_2309c47974.jpg
คาร์ล เบ็นทซ์

แม้จะทำคลอดที่เยอรมนี แต่รถยนต์ไปเติบโตที่ดินแดนแห่งเสรีภาพ--สหรัฐอเมริกา เมื่อ เฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford) วิศวกรที่หลงใหลรถยนต์ เปิดตัวรถยนต์ Ford Model T ในปี 1908 หรือหลังจากรถของคาร์ล เบ็นทซ์ ราว 22 ปี

Ford Model T นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ เพราะเป็นรถยนต์คันแรกที่ 'ราคาจับต้องได้' จากการผลิตแบบสายพาน (assembly-line) ที่เน้นการใช้สายพานและการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ครั้งละหลายชิ้น ก่อนนำมาประกอบรถยนต์อย่างเป็นระบบ

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo02_2edf88e1e4.jpg
การผลิตแบบสายพานในโรงงาน Ford Motor, Photo: Wikimedia Commons via Picryl.com

วิธีการผลิตที่ เฮนรี ฟอร์ด คิดค้นช่วยลดเวลาและต้นทุนการผลิตรถยนต์มหาศาล รถยนต์ที่เคยเป็นแค่ของเล่นคนรวย กลายเป็นสินค้า mass production ที่เข้าถึงชนชั้นกลาง

เห็นได้จากราคารถ Ford Model T ค่อยๆ ลดลงจากครั้งแรกที่ออกขายถึง 70% (จาก 850 ดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 260 ดอลลาร์สหรัฐ)

มีบันทึกระบุว่า Ford Model T ขายได้มากถึง 15 ล้านคันในช่วงเวลา 19 ปีที่วางจำหน่าย (ปี 1908-1927)

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo03_96cf73338c.jpg
ถ่ายรูปครอบครัวกับรถยนต์ Ford Model T เมื่อปี 1926, Photo: Wikimedia Commons

แม้จำนวนจะน้อยกว่า Toyota Corolla (เริ่มผลิตปี 1966-ปัจจุบัน) รถยนต์รุ่นขายดีที่สุดตลอดกาลที่ขายได้ถึง 50 ล้านคัน แต่อย่าลืมว่า ในยุค Ford Model T คนขับรถยังมีจำนวนน้อยกว่าวันที่ Toyota Corolla เกิดขึ้นมหาศาล

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo04_702df90163.jpg
Toyota Corolla ปี 1966, Photo: Toyota UK

นวัตกรรมการผลิตของ เฮนรี ฟอร์ด เป็นชนวนสำคัญที่จุดระเบิดให้สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำตลาดยานยนต์โลก ก่อนอีกหลายปีให้หลัง ประเทศที่ถูกสหรัฐอเมริกาทิ้งบอมและเป็นผู้แพ้สงครามในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างญี่ปุ่น จะเร่งสร้างชาติและพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ขึ้นมาแข่งกับตลาดโลก เพื่อฟื้นฟูประเทศและเศรษฐกิจอีกครั้ง จนกลายมาเป็นผู้เล่นหลักและคู่แข่งคนสำคัญของสหรัฐอเมริกา

ตลาดรถยนต์โลกอยู่ภายใต้เงาของ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป 3 มหาอำนาจโลกตลอดมา จนกระทั่งกาลเวลานำพาคนชื่อ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มาสานต่อภารกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV - Electric Vehicle) ที่ถูกคิดค้นไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนกลายเป็น เทสล่า (Tesla) บริษัทยานยนต์ข้ามชาติและพลังงานสะอาดสัญชาติอเมริกัน ที่สร้างจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์รถยนต์โลกอีกครั้ง ด้วยรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (BEV - Battery Electric Vehicle)

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo05_c396180006.jpg
อีลอน มัสก์ กับ Tesla Roadster รถยนต์รุ่นแรกของเทสล่า

การมาของ Tesla สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก และพาอนาคตให้มาถึงเร็วกว่าที่ผู้ผลิตในตลาดรถยนต์คาดการณ์

พายุดิสรัปชั่นเริ่มก่อตัวโดยผู้มาใหม่ เหมือนทุกเรื่องท่ีเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์

แถมยังเป็นการมาถูกที่ถูกเวลา ท่ามกลางวิกฤตสิ่งแวดล้อม พลังงาน สงคราม จมูกนักลงทุนรู้ดีว่า นี่คือทางเลือกใหม่และโอกาสครั้งใหญ่ เงินทุนจำนวนมหาศาลถูกเทไปที่บริษัทรถยนต์น้องใหม่อย่าง Tesla จนกลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo06_14d9c4ecb2.jpg
ราคาหุ้น Tesla Inc ช่วง 13 ปีที่ผ่านมา (ปี 2010-2023)

ราคาหุ้น Tesla Inc

  • ปี 2010, 2 กรกฎาคม: 1.28 ดอลลาร์สหรัฐ
  • ปี 2023, 21 พฤศจิกายน: 241.2 ดอลลาร์สหรัฐ
  • มูลค่าเพิ่มขึ้น +239.92 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมากถึง 18,743%

Tesla ขยับขึ้นเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap. - มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด) สูงสุดครั้งแรกหลังก่อตั้งได้ 17 ปี ในเดือนกรกฎาคม ปี 2020 ด้วยมูลค่า 208,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้าโตโยต้าผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo13_cd17c635e1.png
5 อันดับบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุด ปี 2023 (ข้อมูล ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน)

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครหยุดยั้งความแรงของ Tesla ได้ จนกระทั่งบริษัทสัญชาติจีนชื่อ BYD (ก่อตั้งปี 1995) ที่เริ่มต้นจากการออกแบบ-ผลิตแบตเตอรี่ ขยายไลน์มาลุยตลาดรถยนต์ในปี 2003 ประกาศก้องเมื่อปีที่แล้ว (ปี 2022) ว่าจะมุ่งสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV อย่างจริงจัง

หวัง ชวนฟู (Wang Chuanfu) ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ BYD อดีตลูกกำพร้าจากครอบครัวชาวนายากจน มีสัญชาตญาณและวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมรู้ดีว่า รถยนต์ไฟฟ้าไม่ต่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มี 'แบตเตอรี่' เป็นหัวใจ และ BYD มีองค์ความรู้เรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo07_3d7e8105ae.jpg
ปี 2017, หวัง ชวนฟู เริ่มขยายธุรกิจไปที่ต่างประเทศ สร้าง BYD Hungary โรงงานรถบัสและรถบรรทุกไฟฟ้าแห่งแรกในยุโรป

การลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าเป็นเชื้อเพลิง 100% สำหรับ BYD ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะพวกเขาเริ่มทำรถยนต์มาตั้งแต่ปี 2003 ส่วนแบตเตอรี่ BYD ได้พัฒนา Blade Battery นวัตกรรมแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดในโลก

ดีจนบริษัทผู้ให้กำเนิดรถยนต์อย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) ประกาศว่าจะผลิตรถยนต์ที่ใช้แบตฯ จาก BYD ในปี 2025

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo08_17dca65aa2.jpg
Mercedes-Benz electric CLA concept จะใช้แบตเตอรี่จาก BYD , Photo: Mercedes-Benz

หลังสิ้นเสียงคำประกาศของมิสเตอร์หวัง BYD ยืนยันสิ่งนั้นด้วยจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าและยอดขายในตลาดที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากผู้นำตลาดหนึ่งเดียว Tesla เริ่มหนาวๆ ร้อนๆ เมื่อ BYD ลงสนามในปี 2022 ยอดขาย BYD ไล่กวดเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ยอดส่งรถของ Tesla เริ่มไม่ถึงเป้า เพราะคนเริ่มหันไปสนใจรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายจีน (โดยเฉพาะ BYD) ที่ราคาเซ็กซี่กว่าในสเปคที่เทียบเท่าหรือดีกว่า

จน Tesla ต้องหั่นราคารถยนต์ของตัวเองในปี 2023 ลงถึง 34% ด้วยการปรับราคาในสหรัฐอเมริกาถึง 5 ครั้ง ขณะที่ปรับลดราคาขายในประเทศไทยสูงสุดถึง 260,000 บาท

ถึงแม้ Tesla จะใช้สงครามราคาเข้าสู้ แต่ดูเหมือนว่าผู้เชี่ยวชาญจะถือข้างผู้มาใหม่อย่าง BYD ว่ามีภาษีดีกว่า เมื่อดูจากยอดขาย BYD ไตรมาสที่ 3 ปี 2023 ที่ไล่หลัง Tesla อยู่แค่ 3,456 คัน

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo09_74b1ea0978.jpg

สื่อด้านธุรกิจ Investor's Business Daily คาดการณ์จากตัวเลขยอดขาย BYD เดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า BYD น่าจะทำยอดขายสูงถึง 500,000 คันในไตรมาส 4 “ได้สบายๆ”

แต่หมากเกมนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เพราะ BYD หันมาจริงจังกับรถยนต์ EV ได้ไม่ถึง 2 ปี ขณะที่ Tesla รู้ตัวแล้วว่าบัลลังก์ EV ไม่ใช่ของข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไป

ทางด้านผู้ผลิตรถยักษ์ใหญ่ที่สร้างตัวจากรถสันดาป ทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป ออกมาประกาศชัดในปีนี้ว่า EV คืออนาคตบนแผนที่บริษัท หลังเห็นกระแส EV ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ BMW ประกาศยุติไลน์ผลิตเครื่องยนต์สันดาปภายในที่โรงงานในเมืองมิวนิก (Munich) เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

เหตุการณ์นี้คล้ายเสียงระฆังที่ดังเตือนว่า...

“ศักราชของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เริ่มต้นแล้วอย่างเป็นทางการ”

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo10_32204ffce0.jpg
อาคารสำนักงานและโรงงานของ BMW ในเมืองมิวนิก

ในโลกทุนนิยม กฎข้อหนึ่งคือ ทุนไหลไปที่ไหน โลกย่อมเคลื่อนไปทางนั้น

สิ่งแวดล้อมคือปัญหาใหญ่ของโลก และเป็นกติกาที่เข้ามากำกับการทำธุรกิจขององค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน การละเมิดหรือไม่ไยดีมีค่าเท่ากับการทำลายถังข้าวสารตัวเอง

ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอของ Apple ให้สัมภาษณ์กับ Brut. สื่อสัญชาติฝรั่งเศสว่า Apple มีเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี 2030 โดยสะท้อนถึงความจริงจังผ่านพฤติกรรมส่วนตัวที่หันมาทดลองขับรถกระบะไฟฟ้า Rivian R1T

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo11_96a5a3802c.jpg
Rivian R1T ปี 2022

คำถามคือ เมื่อทุนและเทรนด์เคลื่อนไปที่ EV แล้ว มันจะเปลี่ยนเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าเมื่อไหร่

คำตอบอยู่ที่มุมมองเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ว่ามองเป็นรถยนต์หรือเป็นประดิษฐกรรมทางเทคโนโลยี ไม่ต่างจากแกดเจ็ต เช่น สมาร์ทโฟน แต่เป็นสมาร์ทโฟนที่มีล้อ

รายงาน Global EV Outlook 2023 - Catching up with climate ambitions ที่องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) พัฒนาและจัดทำร่วมกับกลุ่มสมาชิกผู้ริเริ่มยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles Initiative: EVI) ระบุว่า อีก 7 ปีข้างหน้า หรือปี 2030 สัดส่วนของรถ EV ทั่วโลกจะมีประมาณ 35% ของรถยนต์ทั้งหมด หรือประมาณ 24.8 ล้านคัน

แต่โลกยุคหลังดิจิทัลบอกเราว่า อัตราเร่งความเปลี่ยนแปลงมักเร็วกว่าที่คาดคิดเสมอ

การถือกำเนิดของอินเทอร์เน็ตทำให้ พื้นที่ (space) และเวลา (time) ถูกย่นระยะลง ผู้คนสามารถเข้าถึงสิ่งต่างๆ ได้เพียงลัดนิ้วมือเดียว ด้วยความเร็วที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามสปีดของอินเทอร์เน็ตและหน่วยประมวลผล

tagcloud_a_brife_history_SPACEBAR_Photo12_184a4d2ad6.jpg
กฎของมัวร์ (Moore’s Law) ระบุว่า ปริมาณของทรานซิสเตอร์บนแผงวงจร (นัยหนึ่งคือความเร็วในการประมวลผล) จะเพิ่มเป็นเท่าตัวทุกๆ 2 ปี อีกนัยหนึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้นแบบทวีคูณ

ทุกสิ่งในโลกยุคดิจิทัลจึงเกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็วกว่ายุคก่อนหน้า จนนำไปสู่แนวคิดประเภท Fail Fast, Learn Fast และอีกหลายแนวคิดที่เข้ามารื้อระบบคิดยุคแอนะล็อก

ธุรกิจในโลกยุคใหม่กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งในอัตราเร่งสูง และเมื่อใดที่โลกคือ ทุน รัฐ และประชาชนขานรับ สิ่งนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว

วันนี้สถานการณ์รถยนต์ไฟฟ้ากำลังอยู่ในภาวะนั้น และใกล้สุกงอมเต็มที แค่รอเวลาอีกนิดให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง

แล้วหลังจากนั้นกาลเวลาจะกลืนกินรถน้ำมัน เหมือนกับที่มันกินกลืนสิ่งต่างๆ

เพียงแต่ว่าครั้งนี้ ‘รถน้ำมัน’ อาจกลายเป็นม้าที่ถูกลืมเร็วกว่าที่คิด

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์