ปีหน้า (พ.ศ.2567) ฮุนได (Hyundai) บริษัทรถยนต์สัญชาติเกาหลีจะเริ่มขายรถบนออนไลน์!
Amazon แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก ประกาศข่าวนี้ในงาน Los Angeles Auto Show เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 พฤศจิกายน)
ความจริงนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว (พ.ศ.2562) เทสล่า (Tesla) ตัดสินใจลดจำนวนโชว์รูม และเน้นการขายเพียงช่องทางออนไลน์เท่านั้น
แต่นับเป็นเรื่องใหญ่ การผันตัวมาขายออนไลน์ของ Hyundai บน Amazon คือสัญญาณที่บอกว่า การซื้อขายรถยนต์ได้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัวแล้ว
“ลูกค้าเห็นว่า การซื้อสินค้าบน Amazon นั้นง่ายเพียงใด และพวกเขาต้องการความสะดวกสบายนี้ เมื่อซื้อรถยนต์”
โฮเซ่ มูนอซ (José Muñoz) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Hyundai Motor บอกว่าตั้งแต่ปีหน้า ผู้ซื้อจะค้นหารถที่มีอยู่ในพื้นที่ของพวกเขาได้บนเว็บไซต์ Amazon ตามรุ่น สี ฟีเจอร์ที่ต้องการ รวมถึงชำระเงินและเลือกแผนการจ่ายได้เลย
แถมโฮเซ่กระซิบว่า การร่วมมือระหว่าง Hyundai และ Amazon ยังมีมากกว่านั้น
เนื่องจากรถยนต์ Hyundai ที่ขายในปี พ.ศ.2568 จะรองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง Alexa และเลือกใช้ AWS (Amazon Web Services) เป็นคลาวน์ระบบงานภายใน
ทั้งนี้ การขายรถผ่านออนไลน์ของ Hyundai ต่างจาก Tesla ตรงที่พวกเขายังคงขายผ่านตัวกลางอย่างดีลเลอร์ หรือตัวแทนจำหน่าย
ขณะที่ Tesla ตัดตัวกลางตรงนี้ โดยดำเนินการเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขาย ส่งมอบรถ จนถึงการซ่อมบำรุง และศูนย์บริการของตัวเอง (แถมด้วยข้อมูลผู้ใช้รถที่เก็บได้มหาศาล)
เหตุผลที่ Tesla ทำได้ เพราะรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีข้อแตกต่างจากรถน้ำมัน คือบำรุงรักษาน้อยกว่า ส่วนประกอบน้อยชิ้น (ชิ้นส่วนรถ EV น้อยกว่ารถน้ำมันถึง 100 เท่า) ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ฯลฯ--เหมือนรถน้ำมัน
ส่วนเหตุผลที่ Hyundai (ยัง) ทำไม่ได้ (อย่างน้อยก็ในตอนนี้) เพราะยังมีมรดกจากรถน้ำมัน หลายคนอาจไม่รู้ว่า การขายรถทั่วไป กำไรส่วนใหญ่ของดีลเลอร์ ไม่ได้มาจากส่วนต่าง (margin) ของราคาขาย แต่มาจากการบริการบำรุงรักษา ตรวจเช็คระยะ ฯลฯ
ดีลเลอร์ยังคงจำเป็นทั้งในแง่ของรายได้ รวมถึงความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่มีมายาวนานกับบริษัทรถยนต์ แต่อนาคตที่โลกกำลังเดินไป จะทำให้ความสำคัญของดีลเลอร์ค่อยๆ ลดลง
นี่คือสัจธรรมของโลกดิจิทัล ที่เชื่อมต่อผู้ซื้อกับผู้ขายถึงกัน โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางอีกต่อไป หรืออย่างน้อยตัวกลางเดิมอาจถูกแทนที่ด้วยตัวกลางใหม่
เหมือนจดหมายที่ไม่ต้องรอให้บุรุษไปรษณีย์มาส่ง แต่ส่งถึงกันผ่านอีเมล โดยมีผู้ให้บริการอย่าง Gmail เป็นสื่อกลาง
Mckinsey & Company บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลก เคยตั้งข้อสังเกตว่า พฤติกรรมการซื้อรถ EV ของคนยุคนี้ สะดวกใจที่จะซื้อผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น
- 1 ใน 3 ของผู้ซื้อบอกว่า ไม่ใช่แค่หาข้อมูลบนออนไลน์เท่านั้น แต่พวกเขาซื้อผ่านออนไลน์เลย
- ในจีน มากกว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่า ซื้อรถยนต์ผ่านออนไลน์
- ในภูมิภาคอื่นๆ คนซื้อรถ EV ผ่านออนไลน์มากกว่าซื้อหน้าร้านถึง 2 เท่า
ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงสัญญาณเตือนให้เตรียมรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์ในอนาคต เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับหลายอุตสาหกรรมก่อนหน้านี้
เพราะ ณ วันนี้ คนส่วนใหญ่ถ้าเลือกได้ ก็ยังเลือกซื้อที่โชว์รูม มากกว่าออนไลน์
แต่ถ้าอนาคตเป็นไปอย่างที่ ฟิลิป คอตเลอร์ (Philip Kotler) ปรมาจารย์ด้านการตลาดที่ได้รับยกย่องเป็น บิดาการตลาดสมัยใหม่ พูดในงาน World Marketing Forum เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่าอีคอมเมิร์ซจะโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยตั้งข้อสังเกตว่า แบรนด์เริ่มหันมาขายสินค้าให้ลูกค้าโดยตรง ผ่านการเปิดร้านออนไลน์เป็นของตัวเอง
แน่นอน สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วกับธุรกิจของกิน ของใช้ ฯลฯ (หรือแม้กระทั่งหนังสือ) ที่ผู้ผลิตเปิดร้านผ่านออนไลน์แข่งกับตัวแทนจำหน่าย
และอีกไม่นานจะเกิดขึ้นกับธุรกิจรถยนต์ โดยมีแบรนด์ Hyundai และ Amazon เป็นผู้ตัดริบบิ้นสู่ธุรกิจขายรถที่ ‘ดีลเลอร์’ อาจมีสถานะเป็นบุรุษไปรษณีย์ที่ไม่มีใครต้องการ...
