325% หรือ 3.25 เท่า!
คืออัตราการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ (พ.ศ.2566)
การเติบโตของ EV โดยเฉพาะ BEV (Battery Electric Vehicle) วันนี้อยู่ในอัตราเร่งที่มาแรง
ส่วนหนึ่งเพราะราคาน้ำมันแพง (และไม่มีทีท่าว่าราคาจะลดระดับลง) บวกกับค่ายรถจีนที่เปิดฉากสงครามราคา EV จนสะเทือนไปทั้งอุตสาหกรรม
วันนี้กำเงินแค่ ‘หลักแสน’ หรือ ‘ล้านต้นๆ’ ก็ถอยรถ EV ได้แล้ว
แต่... สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่ออร์เดิร์ฟ เพราะหลังจากนี้ ตลาด EV ในไทยจะคึกคักกว่าที่เห็น
เมื่อ (1 พฤศจิกายน) “บอร์ดอีวี” หรือคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติที่มี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ใส่เกียร์เดินหน้าสนับสนุน EV ระยะที่ 2 ผ่านมาตรการ EV 3.5 ในกรอบระยะเวลา 4 ปี (พ.ศ.2567-2570)
จัดเมนคอร์ส มาตรการ EV 3.5 กระตุ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเต็มที่ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตรถ EV ของอาเซียนตาม นโยบาย 30@30 ที่ตั้งเป้าผลิตรถที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle) ให้ได้อย่างน้อย 30% ภายในปี 2030
มาดูรายละเอียดเมนูใน มาตรการ EV 3.5 ว่ายั่วใจแค่ไหน?
1. ให้เงินอุดหนุน EV และลดภาษี
รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
- แบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh ได้รับเงินอุดหนุน 50,000-100,000 บาทต่อคัน
- แบตเตอรี่ต่ำกว่า 50 kWh ได้รับเงินอุดหนุน 20,000-50,000 บาทต่อคัน
- รถ EV ทั้งสองประเภทข้างต้น จะได้รับสิทธิประโยชน์ลดภาษีนำเข้ารถผลิตจากต่างประเทศ (CBU) ไม่เกิน 40% ในช่วง 2 ปีแรก (พ.ศ.2567-2568)
รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ราคาตั้งแต่ 2-7 ล้านบาท
- แบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh ได้รับสิทธิประโยชน์ ลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2%
รถกระบะไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
- แบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh ได้รับเงินอุดหนุน 50,000-100,000 บาทต่อคัน
รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 150,000 บาท
- แบตเตอรี่ตั้งแต่ 3 kWh ได้รับเงินอุดหนุน 5,000-10,000 บาทต่อคัน
2. กระตุ้นลงทุนในประเทศ
ตั้งเงื่อนไขให้ผู้ได้รับการสนับสนุน (ค่ายรถต่างๆ) ผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้า
- อัตราส่วน 1 : 2 (นำเข้า 1 คัน ผลิตชดเชย 2 คัน) ภายในปี พ.ศ.2569
- อัตราส่วน 1 : 3 (นำเข้า 1 คัน ผลิตชดเชย 3 คัน) ภายในปี พ.ศ.2570
ทั้งนี้ กำหนดให้แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปที่นำเข้า และผลิตในประเทศไทยจะต้องได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานตามมาตรฐานสากลจากศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC)
3. ขยายเวลาจดทะเบียน EV
เห็นชอบให้กรมสรรพสามิต ขยายเวลาการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ได้รับสิทธิตาม มาตรการ EV 3.0 ก่อนหน้านี้
จากเดิมต้องจดทะเบียนภายใน 31 ธันวาคม พ.ศ.2566
ขยายเป็นภายใน 31 มกราคม พ.ศ.2567
แต่ยังต้องจำหน่ายภายใน 31 ธันวาคม พ.ศ.2566 เพื่อให้ผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อรถ EV ในงาน Thailand International Motor Expo ที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม ยื่นจดทะเบียนได้ทัน
มาตรการ EV 3.5 ที่เห็นข้างต้น ยังไม่ใช่ตัวไฟนอล เพราะ “บอร์ดอีวี” ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดอัตราเงินอุดหนุนที่เหมาะสม และจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไป
ต้องรอดูกันอีกนิดว่า ในบรรทัดสุดท้าย มาตรการ EV 3.5 ที่ ครม. เห็นชอบจะออกมาหน้าตาแบบไหน
จะยั่วใจเหมือนที่เห็น หรือจะปรับเพิ่มลดรายละเอียดใดเพิ่มเติม
แต่ที่แน่ๆ ปีหน้า พ.ศ.2567 กระแส EV จะมาแรงกว่าที่เห็นในวันนี้อย่างแน่นอน
