TDRI ห่วงโลกเดือด ทำภัยพิบัติแรง เสนอไทยตั้งรับความเสี่ยง

21 ต.ค. 2567 - 05:08

  • ทีดีอาร์ไอห่วง ‘โลกเดือด’ ทำภัยพิบัติรุนแรง กระทบเศรษฐกิจ-สังคม

  • เสนอปรับไทยตั้งรับความเสี่ยง จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับ 5 ความท้าทาย

  • เตรียมเปิดข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ในเวทีวิชาการประจำปี 30 ตุลาคม นี้

tdri-global-boiling-warming-natural-disaster-severe-thai-take-risks-SPACEBAR-Hero.jpg

ดร. สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงปัญหาอุทกภัยอย่างรุนแรงในประเทศไทยในปัจจุบันว่า การที่ภัยพิบัติเช่น น้ำท่วมเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีความรุนแรงมากขึ้น สาเหตุหนึ่งมาจากการที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นต่อเนื่องจนเข้าข่าย ‘โลกเดือด’  ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากต่อเศรษฐกิจและสังคม 

ที่ผ่านมาหลายประเทศได้เร่งปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศ และควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้โลกร้อนแล้ว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ภาครัฐทั้งส่วนกลางและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ธุรกิจเอกชนและประชาชนไทยยังให้ความสำคัญค่อนข้างน้อยต่อการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ แม้จะมีแนวคิดในบางด้านอยู่บ้าง เช่น การจัดการน้ำเพื่อรับมือภัยแล้งและน้ำท่วม แต่ก็แทบยังไม่มียุทธศาสตร์การรับมือกับผลกระทบในด้านอื่น

ดร. สมเกียรติ ระบุว่า โจทย์สำคัญของประเทศจะทำอย่างไรให้ไทยมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสามารถอยู่รอดได้ในยุค ‘โลกเดือด’ ไม่ว่าจะเป็นการปรับภาคเกษตรให้พร้อมรับมือกับวิกฤตภัยแล้งสลับกับน้ำท่วมฉับพลัน การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของเมืองเพื่อให้ประชาชนสามารถรับมือกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป การพัฒนาระบบเตือนภัยพิบัติล่วงหน้าที่แม่นยำ ตลอดจนการพัฒนาระบบการเงินและเครื่องมือประกันภัยที่จะช่วยในการปรับตัวและกระจายความเสี่ยงจากภัยทางธรรมชาติต่างๆ

“การปรับตัวให้อยู่รอดในยุคโลกเดือดนอกจากต้องมียุทธศาสตร์ที่เหมาะสมแล้วจะต้องคำนึงถึงความเป็นธรรม โดยมาตรการต่างๆ จะต้องคุ้มครองประชาชนในวงกว้าง ไม่มีกลุ่มใดตกหล่น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีความสามารถในการปรับตัวต่ำ และต้องไม่สร้างผลกระทบจากการปรับตัวที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้มาตรการที่ช่วยรับมือกับผลกระทบในพื้นหนึ่ง แต่ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงขึ้นในพื้นที่อื่น หรือเพิ่มความเสี่ยงขึ้นในอนาคต ด้วยเหตุผลเหล่านี้การจัดงานสัมมนาวิชาการประจำปีของทีดีอาร์ไอในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ทีดีอาร์ไอครบรอบ 40 ปี จึงให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว”

tdri-global-boiling-warming-natural-disaster-severe-thai-take-risks-SPACEBAR-Photo V01.jpg

“โดยทีมนักวิจัยของทีดีอาร์ไอจะนำเสนอทิศทางด้านนโยบายและมาตรการในการเตรียมการปรับประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจและสังคมที่มีภูมิคุ้มกันต่อสภาพภูมิอากาศ ภายใต้หัวข้อ “ปรับประเทศไทย … ให้อยู่รอดได้ในยุคโลกเดือด” เพื่อให้ประเทศไทยมีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นธรรมต่อประชาชนกลุ่มต่างๆ มากที่สุด”

ดร. สุเมธ องกิตติกุล รองประธานทีดีอาร์ไอ ระบุว่า เมืองจะเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้น โดยเมืองในประเทศไทยเจอกับภัยจากความร้อน น้ำท่วม และน้ำทะเลเซาะชายฝั่ง จึงต้องมีแนวทางตั้งรับปรับตัวในระยะยาวที่พิจารณาทุกมิติของการพัฒนาเมืองอย่างรอบคอบ ทั้งการประยุกต์ใช้โครงสร้างพื้นฐานหลากหลายรูปแบบในการลดความรุนแรงของภัยพิบัติ การจัดการผังเมือง และการเก็บข้อมูลภัยเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง

“หน่วยงานภาครัฐทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น จำเป็นต้องมีความเข้าใจต่อภัยธรรมชาติ กลุ่มเปราะบางในเมือง และความสามารถในการตั้งรับปรับตัวของเมือง เพื่อนำไปสู่การลดความเสี่ยงของภัยพิบัติที่จะรุนแรงขึ้น ถ้าไม่สามารถปรับตัวให้ตอบโจทย์กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ ประชาชนและภาคเศรษฐกิจจะประสบปัญหาความยากลำบากในการใช้ชีวิตและทำธุรกิจมากขึ้น”

ดร.สุเมธ กล่าว

ดร. สุเมธ กล่าวด้วยว่า หากประเทศไทยยังอยู่แบบนี้ต่อไป โดยไม่มีการปรับเพื่อเปลี่ยนเมืองให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ ก็จะส่งผลต่อการบริหารจัดการของภาครัฐ ทำให้ต้นทุนของภาครัฐในการบรรเทาผลกระทบจากเกิดภัยพิบัติสูงขึ้น ประสิทธิภาพการใช้งบประมาณของประเทศจะต่ำลงเรื่อยๆ เพราะงบประมาณในส่วนนี้ที่นำไปบรรเทาผลกระทบสามารถนำไปใช้แก้ไขในปัญหาระยะยาว หรือไปพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆได้ 

ดังนั้น จะเกิดความเสี่ยงและฉุดรั้งเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ แต่หากมีการวางยุทธศาสตร์ แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพก็จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติในอนาคตได้ ซึ่งข้อเสนอแนะทั้งหมดจะถูกนำเสนอในงานสัมมนาวิชาการประจำปีของทีดีอาร์ไอ หรือTDRI Annual Public Conference ในวันที่ 30 ตุลาคมนี้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์