สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เสียง ให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยชี้ ในมุมมองของหอการค้าฯ มองประเด็นที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องน้อมรับ แต่ในส่วนของเศรษฐกิจ มองว่าจะกระทบความเชื่อมั่นของประเทศระยะสั้น โดยเฉพาะโครงการและแผนงานต่างๆ ที่กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศในขณะนี้
โดยหอการค้าฯ เชื่อว่าในช่วงที่จะต้องรอเลือกนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งมีกระบวนการไม่น้อยกว่า 1 เดือน คงจะมีการเร่งกระบวนการเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป เชื่อว่าจะไม่กระทบประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ ซึ่งการท่องเที่ยวก็ยังเดินหน้าต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้อยากให้มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ เพื่อจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง ขณะที่สภาฯ ก็ยังสามารถพิจารณางบประมาณปี 2568 ได้ต่อ
“หอการค้าฯ อยากเห็นการเมืองที่กลับมาเดินหน้าอย่างมีเสถียรภาพโดยเร็วที่สุด เพราะต้องยอมรับว่าปัญหาปากท้องของประชาชนในภาวะเช่นนี้เป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหา ซึ่งหวังว่าฝ่ายการเมืองโดยระบบรัฐสภาจะได้ช่วยกันในการที่จะดำเนินตามกระบวนการของประชาธิปไตย เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาสู่การมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการบริหารด้านประเทศ ให้เติบโตได้ตามศักยภาพต่อไป”
สนั่น กล่าว
เช่นเดียวกับ เกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่มองว่าว่า ประเด็นนี้ จะกระทบความเชื่อมั่นด้านการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยความไม่ต่อเนื่องนโยบายภาครัฐ ทำให้นักลงทุนที่ชะลอการลงทุนอยู่แล้ว อาจตัดสินใจ ไม่ลงทุนในประเทศไทย และมีความเป็นไปได้สูงที่จะย้ายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
“ที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างประเทศสอบถามเข้ามายังสภาอุตสาหกรรม เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย เพราะต้องการความชัดเจน และข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจการลงทุนและการทำแผนการลงทุนในประเทศไทย โดยบางรายอยู่ระหว่าง wait and see ไม่กล้าตัดสินใจ แต่วันนี้เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งก็น่าจะทำให้นักลงทุนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น”
เกรียงไกร กล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนไทยและต่างประเทศต้องการความต่อเนื่องนโยบายรัฐบาลเพื่อสนับสนุนการลงทุน ที่ผ่านมาการลงทุนไทยมีการสะดุดมาหลายรอบเพราะความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้ไทยเสียโอกาส เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีความนิ่งของการเมืองมากกว่าไทย