โตโยต้ากำไรพุ่ง 22% จากค่าเงินเยนอ่อนตัวและยอดขายเพิ่มขึ้น

10 กุมภาพันธ์ 2566 - 06:53

โตโยต้ากำไรพุ่ง 22% จากค่าเงินเยนอ่อนตัวและยอดขายเพิ่มขึ้น-SPACEBAR-Thumbnail
  • ปลายปีที่ผ่านมา บริษัทยังทำกำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อน ถือเป็นสัญญาณบวก เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเผชิญแรงกดดันครั้งสำคัญจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และต้นทุนที่สูงขึ้น

ถือเป็นข่าวเซอร์ไพรส์ทีเดียว เมื่อบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ได้ประกาศว่ากำไรในไตรมาส 3 ของบริษัทนั้นพุ่งสูงถึง 22% จากปัจจัยของค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลง แต่ขณะเดียวกันก็ทำยอดขายเพิ่มสูงขึ้นด้วย  

ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 บริษัททำกำไรไปสูงถึง 956.7 พันล้านเยน (ประมาณ 7,280 ล้านดอลลาร์) สูงกว่าช่วงเดียวกันในปี 2564 ซึ่งมีทำกำไรไปประมาณ 784.4 พันล้านเยน  

ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเผชิญแรงกดดันครั้งสำคัญจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และต้นทุนที่สูงขึ้น นอกจากนี้ค่ายรถยนต์ยังต้องเผชิญความท้าทายของการเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดรถอีวี ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดและเต็มไปด้วยผู้เล่นรายใหม่ๆ  

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทำให้โตโยต้าต้องขึ้นราคารถตามไปด้วย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาซึ่งเริ่มตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2565 ที่ผ่านมา 

แม้ว่าไตรมาสที่ผ่านมาจะทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ แต่ก็ต้องดูกันอีกยาวๆ ว่าโตโยต้าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรในปีนี้ เพราะบริษัทตัดสินใจ ‘หั่น’ เป้าการผลิตลง 1% เหลือ 9.1 ล้านคัน เนื่องด้วยปัญหาชิปขาดแคลนติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาด  

ถึงโรงงานผลิตชิปทั่วโลกจะกลับมาเดินหน้าการผลิตอย่างเต็มสูบ 1 ล้านล้านชิ้นต่อวัน แต่ก็ยังไม่อาจตอบโจทย์ดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก และจะทำให้ราคาชิปสูงขึ้นไปด้วยเช่นกัน  

ไม่ใช่แค่โตโยต้าเท่านั้น ค่ายผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่างฟอร์ด มอเตอร์ ก็ประสบกับปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้ยอดการผลิตลดลงไปถึง 1 แสนคันเมื่อปลายปีที่ผ่านมา  

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์