แถลงให้ได้รับรู้กันทุกท้ายปี สำหรับทิศทางเศรษฐกิจ และรวมถึง “ธุรกิจดาวรุ่ง และธุรกิจดาวร่วงในปี 2567” จากสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อเป็นการส่งสัญญาณทางเศรษฐกิจให้รับทราบ ว่า ทิศทางเศรษฐกิจนับจากนี้ และตลอดปี 2567 เป็นอย่างไร? เหมาะที่จะขับเคลื่อนธุรกิจด้านไหนบ้าง และหรือเทรนด์ธุรกิจใดที่มาแรงไม่เคยตก ซึ่งถ้าหากเป็นสิ่งที่มุ่งมั่นตั้งใจทำ มีทุนพร้อม กายใจพร้อม ก็ติดสปีดลุยโลดไปได้! ว่าแต่ธุรกิจที่ถูกกล่าวถึง มีอะไรบ้าง?
รศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ นำผลสำรวจของสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้า มาสรุปให้ฟัง พบ 10 ธุรกิจดาวรุ่ง และดาวร่วง ปี 2567 ดังนี้
อันดับ 1 กลุ่มธุรกิจ E-Commerce (ธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอสิกส์ ) ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจ Youtuber การรีวิวสินค้า และInfluencer
อันดับ 2 กลุ่มธุรกิจ ธุรกิจการแพทย์และความงาม, ธุรกิจโฆษณาและออนไลน์ ธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสาร เช่น ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต หรือ สัญญาณสื่อสารต่างๆ
อันดับ 3 Social Media และ Online Entertainment, ธุรกิจด้านการเงินธนาคาร Fintech และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี ธุรกิจ Cloud Service และ ธุรกิจบริการ Cyber Security
อันดับ 4 งานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า ธุรกิจ Event, ธุรกิจความเชื่อ (สายมู หมอดู ฮวงจุ้ย), ธุรกิจอัญมนี เช่น ทอง
อันดับ 5 ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต, ธุรกิจ EV และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ธุรกิจ Soft Power ไทย เช่น ซีรีส์ ภาพยนตร์
อันดับ 6 ธุรกิจอาหารเสริม ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม(ที่ไม่มีแอลกอฮอล์) ธุรกิจเกี่ยวกับน้ำตาล
อันดับ 7 ธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Moderm Trade) ธุรกิจโลจิสติกส์ Delivery และคลังสินค้า, ธุรกิจเงินด่วน โรงรับจำนำ
อันดับ 8 กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง, ธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืน ผับ บาร์ คาราโอเกะ
อันดับ 9 ธุรกิจ E-Sport เกมส์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง, ธุรกิจตลาดเพื่อการท่องเที่ยว, ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
อันดับ 10 ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง
ส่วน ‘ธุรกิจที่เป็นดาวร่วง’ ในปี 2567 นั้น กล่าวได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่ถูกดิสรัป จากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ได้แก่
อันดับ 1 โทรศัพท์พื้นฐาน, ร้านเช่าหนังสือ ซีดี หรือดีวีดี, สื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่มีแพลตฟอร์มออนไลน์
อันดับ 2 ผลิตซีดี ดีวีดี ที่จัดเก็บข้อมูลฮาร์ดไดรฟ์ หรือเมมโมรี่ การ์ด, บริการส่งหนังสือพิมพ์
อันดับ 3 ธุรกิจคนกลาง, เครื่องปั้นดินเผา และเซรามิก
อันดับ 4 ผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
อันดับ 5 ผลิตสารเคมี
อันดับ 6 ร้านถ่ายภาพ
อันดับ 7 ขายเครื่องเล่นเกม, แผ่นเกม, ตลับเกม, การทอผ้าจากธรรมชาติ
อันดับ 8 ถ่ายเอกสาร
อันดับ 9 เฟอร์นิเจอร์ไม้
อันดับ 10 ร้านโชห่วย, ผลิตกระดาษ
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยปีหน้า 2567 แม้จะแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ต้องยอมรับว่า ยังมีทั้งปัจจัยบวก และปัจจัยบั่นทอนการดำเนินธุรกิจ ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านั้น ได้แก่
- ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ได้แก่ มาตรการฟรีวีซ่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ช่วยหนุนการบริโภคายในประเทศและดึงดูดนักท่องเที่ยว
- การลงทุนทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนที่จะกลับมาฟื้นตัวตามการเร่งรัดการเบิกจ่ายในโครงการลงทุนของภาครัฐ
- ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ในทิศทางที่เติบโตเพิ่มขึ้น
- การส่องออกกลับมาขยายตัว สอดคล้องกับแนวโน้มปริมาณการค้าโลก
ขณะที่ปัจจัยบั่นทอนการดำเนินการธุรกิจในปี 2567 ประกอบด้วย
- ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์โลกในภูมิภาคต่างๆ เช่น การสู้รบระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มฮามาส ได้ส่งผลกระทบราคาพลังงานให้ปรับตัวสูงขึ้น
- ความผันผวนของตลาดการเงินโลก จากการดำเนนิการนโยบายการเงินที่เข้มงวดของประเทซคู่ค้าหลักโดยเฉพาะประเทศสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
- การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน ส่องผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยมและการส่งออกของโลก
- ปัญหาภัยแล้งและปรากฎการณ์เอลนีโญ มีแนวโน้มจะรุนแรงสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ และจะทำให้รายได้เกษตรกรลดลง
