การเปิดจองกองทุนวายุภักษ์วันแรก (16 กันยายน 2567) เรียกได้ว่า มีความคึกคัก จากการเข้าลงทุนอย่างต่อเนื่องของนักลงทุน ที่ไม่ว่าจะเป็น นักลงทุนมือเก๋า รายย่อย หรือมือใหม่ เนื่องจากเป็นทั้งการลงทุนที่ปลอดภัย เป็นช่องทางการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และยังมีการการันตีผลตอบแทนที่ 3-9% ด้วย
โดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ในฐานะหนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ประเมินผลตอบรับนักลงทุนในการเปิดจองซื้อหน่วยลงทุนวันนี้ โดยคาดหวัง จะออกมาดี จากที่ผ่านมาเห็นนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจ และประเมินว่ายอดจองซื้อตั้งแต่วันที่ 16-20 กันยายน รวม 5 วัน จะทำได้ตามเป้าที่ 1-1.5 แสนล้านบาท เปิดจองซื้อหน่วยลงทุนหน่วยละ 10 บาท จองซื้อขั้นต่ำที่ 10,000 บาท เพื่อรองรับการลงทุนในหุ้นและหลักทรัพย์ที่มีความยั่งยืน
ด้าน กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เผยด้วยว่า ถ้าศึกษาอย่างละเอียด ถือเป็นกองทุนที่ดี มีการันตีผลตอบแทน เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนมือใหม่ รายย่อย หรือใครก็ตามที่ต้องการการลงทุนที่ไม่เสี่ยงมาก นำเข้าพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายการลงทุน ในท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวน กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง จึงถือเป็นกองที่มี ‘ความเสี่ยงที่ควบคุมได้’
“ยังยืนยันว่า ไม่แย่ ด้วยภาพหุ้นกู้ที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ ด้วยผลตอบแทนพันธบัตรปัจจุบัน การการันตีผลตอบแทน 3% ถือ 10 ปี ถือว่าดีกว่าลงทุนพันธบัตร หรือหุ้นกู้ด้วยซ้ำ และผมคิดว่า ความน่าสนใจ และน่าจะมีเสียงตอบรับที่ดีสำหรับนักลงทุนรายย่อย และสถาบัน...และดัชนีที่ประมาณ 1,400 ตรงนี้ ไม่ได้แพงจนเกินไป และอย่างที่ผมบอก ถ้าสมมุติใครที่อาจจะลงทุนหุ้น หรือการลงทุนอื่นใด ที่ไม่ได้มีความชำนาญมาก ตรงนี้ เป็นสิ่งที่เหมาะ ส่วนใครที่คิดจะลงทุนพันธบัตร หรือหุ้นกู้อยู่แล้ว ผมว่า เรามองว่ายุภักษ์ เป็นสิ่งน่าสนใจ ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าใครที่เป็นผู้ลงทุนอย่างชำนาญการอยู่แล้ว มีหุ้นไทยเยอะอยู่แล้ว มอง SSF ที่เป็นกองทุนต่างประเทศ ก็อาจจะตอบโจทย์มากกว่า โดยเฉพาะกองตราสารหนี้ หรือ กองทองคำ ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบ”
ย้ำจุดเด่น ‘กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง’
กล่าวได้ว่า ‘กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง’ ออกแบบมาเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ลงทุนระยะยาว สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. มีระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้น 10 ปี โดยหากถือหน่วยลงทุนครบกำหนด ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิดังต่อไปนี้
- ผู้ถือหน่วยจะได้รับเงินลงทุนตั้งต้นคืนเต็มจำนวน แม้กองทุนขาดทุน
- ได้รับเงินปันผลตามที่กำหนดในแต่ละปี
- หากกองทุนจะระดมทุนต่อ จะให้สิทธิผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ขยายระยะเวลาการลงทุน หรือขายคืนหน่วยลงทุน (Redeem) ตามแนวทางที่กำหนด
- อย่างไรก็ตาม หากกองทุนไม่ประสงค์จะระดมทุนต่อ บริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหรือไถ่ถอนหน่วยลงทุนประเภท ก. ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถขายหน่วยลงทุนก่อนครบ 10 ปี ผ่านตลาดรองได้ หลังจากบริษัทจัดการนำหน่วยลงทุนประเภท ก. เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
อย่างไรก็ตาม การขายหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนดอาจทำให้สูญเสียผลประโยชน์ ดังนี้
- ราคาหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะผันแปรตามกลไกตลาด
- ผู้ขายหน่วยลงทุนในตลาดรองจะไม่ได้รับความคุ้มครองเงินลงทุนตามกลไกปกติ
- หากขายได้ราคาต่ำกว่า 10 บาทต่อหน่วย จะเกิดผลขาดทุน
เมื่อขายหน่วยลงทุนแล้ว จะไม่ได้รับเงินปันผลที่รับประกันไว้อีกต่อไป