วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2567) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หรือประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ซึ่งเลื่อนจากวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ออกมาเป็นวันนี้ (11 พฤศจิกายน 2567) ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น.
ทั้งนี้ ยังคงมีความเป็นห่วงด้านตัวบุคคล ว่าจะมีความเกี่ยวข้อง-โยงใยการเมือง จึงมีทั้งส่วนที่แสดงความเป็นห่วง และกระแสการคัดค้านสูงมาก่อนหน้านี้ต่อเนื่อง โดยการคัดเลือกประธานบอร์ด ธปท.ครั้งนี้ มีการเสนอชื่อผู้จากกระทรวงการคลัง ได้แก่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมีการเสนอชื่อจาก ธปท.อีก 2 คน ได้แก่ นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน และนายสุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกรรมการอิสระ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ซึ่งพบว่ารายชื่อที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง มีแนวโน้มจะมาแรงที่สุด และได้รับตำแหน่งไปในที่สุด
ทำให้ คณะศิษยานุศิษย์ที่น้อมนำธรรมองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน (คณะศิษย์ฯ) ได้ประกาศเดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงคณะกรรมการคัดเลือกบอร์ด ธปท.เป็นรายบุคคล ในเช้าวันนี้ เพื่อขอคัดค้านการเลือกบุคคล ซึ่งเกี่ยวโยงการเมืองเข้ามาแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทย
ก่อนหน้านี้ นายวิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนที่ 20 ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ว่า “ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของแบงก์ชาติ แต่เป็นเรื่องอนาคตของชาติ candidate ชื่ออะไรไม่สำคัญ แต่ถ้ามีประวัติเป็นคนการเมืองแบบแนบแน่น มีทัศนคติและวิธีคิดที่อยากแทรกแซงการทำงานของธนาคารกลางเพื่อตอบโจทย์การเมือง ก็ไม่สมควรครับ
ถ้าเรายอมให้ฝ่ายการเมืองส่งคนการเมืองเข้ามาครอบงำแบงก์ชาติได้โดยง่าย จะเป็นอันตรายยิ่งต่อการรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจไทย ทำลายความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง และทำลายหน่วยงานหลักทางเศรษฐกิจของประเทศให้อ่อนแอจนไม่เหลือสักหน่วยงานเดียวที่จะทัดทานนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่ถูกไม่ควรได้ ต่อไปเราคงเห็นนโยบายประชานิยมแบบปลายเปิดเต็มไปหมด ไม่มีใครสนใจวินัยการเงินการคลัง มีแต่นโยบายที่หวังผลประโยชน์ระยะสั้นเพื่อตอบโจทย์การเมืองเป็นหลัก ในอนาคตนโยบายการเงิน และนโยบายสถาบันการเงินก็อาจจะถูกทำให้กลายพันธุ์เป็นนโยบายประชานิยมไปด้วยก็ได้ครับ 11.11 ร่วมด้วยช่วยกันป้องกันอย่าให้การเมืองเข้ามาครอบงำแบงก์ชาติได้โดยง่าย”
เช่นเดียวกับ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ที่ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 ทั้งอ้างถึงอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 4 ท่าน นักวิชาการ คณาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์และสาขาอื่นๆ หลายสถาบันทั้งในอดีตและปัจจุบัน ได้แสดงความห่วงใยในประเด็นเดียวกัน คือ ‘การเมืองครอบงำธนาคารแห่งประเทศไทย’ ต่างก็ออกแสดงความคิดเห็น พร้อมให้บทเรียนในอดีต และยังเกรงกลุ่มการเมืองจะเข้าเกี่ยวข้องแบงก์ชาติ ผ่านการคัดสรรประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย
กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมและภาคส่วนต่างๆ ขอเรียกร้องอีกครั้งให้คณะกรรมการคัดเลือกทั้ง 7 ท่าน ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกประธานและกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยพิจารณาอย่างถ่องแท้ต่อคุณสมบัติที่เป็นหลักสากลของผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกลางทั่วโลก ต้องคำนึงถึงประโยชน์และเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ปราศจากความเกรงใจและความสัมพันธ์ทางการเมือง ยึดมั่นหลักการที่สังคมไทยในอดีตได้พยายามสร้างให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นสถาบันที่เป็นอิสระจากการครอบงำเพื่อหาผลประโยชน์ในระยะสั้นทางการเมือง