WHA อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ ผนึกกำลังต้อนรับ CHANG-AN Automobile ค่ายยักษ์จากจีน เปิดตัวโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) อย่างเป็นทางการในไทย ถือเป็นโรงงานแห่งแรกนอกแผ่นดินจีน พร้อมเดินหน้าผลิตรถเพื่อเอเชีย-แปซิฟิก ใจกลางนิคมอุตสาหกรรม WHA ESIE 4 จ.ระยอง
WHAID ในฐานะเจ้าบ้านนิคมฯ เดินเกมสนับสนุนเต็มสูบ พร้อมตอกย้ำศักยภาพ ‘ไทยแลนด์’ ในฐานะฐานการผลิต EV ระดับโลก ที่ครบทั้งโครงสร้างพื้นฐาน โลจิสติกส์ และแรงงานคุณภาพ
ทั้งนี้ เมื่อ 16 พฤษภาคม 2568 บริษัท ฉางอาน ออโตโมบิล จำกัด ทำพิธีเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ฉางอานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งคณะผู้บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAID ที่ประกอบด้วย ปจงวิช พงษ์ศิวาภัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, ลัดดา โรจนาวิไลวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ ของ WHAID ร่วมแสดงความยินดีอย่างพร้อมเพรียง

สำหรับโรงงานแห่งนี้นับเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานใหม่แห่งแรกของ CHANG-AN ในต่างประเทศ โดยใช้พื้นที่กว่า 250 ไร่ และมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ครอบคลุมสายการผลิตครบวงจร 5 ส่วนหลัก ได้แก่ การเชื่อมตัวถัง การพ่นสี การประกอบตัวถัง การผลิตเครื่องยนต์ และการประกอบแบตเตอรี่
ในระยะแรกโรงงานมีกำลังการผลิต 100,000 คันต่อปี และตั้งเป้าขยายเป็น 200,000 คันต่อปีในระยะถัดไป เพื่อตอบสนองความต้องการตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตสำคัญในภูมิภาค
จุดเด่นของโรงงานนี้ อยู่ที่การออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยมีการติดตั้งเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง ระบบผลิตคาร์บอนต่ำ และเตรียมติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ขนาด 14 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 45% ของการใช้พลังงานภายในโรงงาน
WHAID ในฐานะผู้พัฒนาและบริหารนิคมอุตสาหกรรม WHA ESIE 4 ยืนยันความมุ่งมั่นในการสนับสนุนลูกค้าระดับโลกอย่าง CHANG-AN ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครัน การบริหารจัดการที่ได้มาตรฐาน และระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงทั่วภูมิภาค รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
การลงทุนของ CHANG-AN ในประเทศไทยครั้งนี้ นอกจากจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ยังสร้างการจ้างงานมากกว่า 30,000 ตำแหน่ง และเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดระยอง ตอกย้ำบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค พร้อมก้าวสู่อนาคตเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน
