ถือเป็นการเปิดอาณาจักร ที่โชว์ความล้ำ ในการบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างเต็มรูปแบบ สำหรับ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ก็มีเทคโนโลยีทันสมัย ต่อยอดอุตสาหกรรมสีเขียวระบบกรีนโลจิสติกส์ มีการให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศรายแรกของไทย ทั้งยังมีการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ การบริหารจัดการระบบสาธารณูปโภค-สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบวงจร และยังคู่กับการรักษาสภาพแวดล้อม การใช้พลังงานและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อส่งเสริมการสร้างคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของทุกคนทั้งชุมชน สังคม และประเทศ
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เผย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า นิคมอุตสาหกรรมสามารถเติบโต-สร้างความเชื่อมโยงอุตสาหกรรมและชุมชน ในรูปแบบเครือข่ายที่ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันได้ โดยมีการดูแลทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ด้วยแนวทางการพัฒนาสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การวางนโยบาย เป้าหมาย แผนงาน การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ มีการติดตามประเมินผล การสร้างจิตสำนึกร่วมกันในเรื่องความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนการขยายขอบเขตให้ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยสนับสนุนให้คู่ค้า พันธมิตร และลูกค้าให้ปรับปรุงยกระดับกระบวนการดำเนินการต่างๆ ให้สอดคล้องกับหลักอุตสาหกรรมสีเขียวด้วย
“จนถึงวันนี้ เราสามารถบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการใช้พลังงานหมุนเวียน การบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระบบนิเวศของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ตามหลักการ Circular Economy”
— จรีพร กล่าว
ถือเป็นบริษัทหนึ่งที่กล่าวได้ว่า ไม่ได้บริหารธุรกิจเพื่อผลกำไรเติบโตเพียงด้านเดียว แต่ยังมุ่งมั่นนำพาองค์กรและบริษัทคู่ค้า ร่วมจัดการปัญหาด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม ในทุกจุด... งานนี้ เรายังได้เห็นการจัดการอาคารคลังสินค้า โดยเปิดให้ชม WHA Mega Logistics Center อาคาร B ต้นแบบอาคารสีเขียว ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ที่ได้การรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียว LEED Gold เวอร์ชั่น 4.1 Building Design and Construction (V4.1 BD+C)
โดยอาคาร B หรือ WHA Mega Logistics Center นี้ เป็น คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ตั้งอยู่บนถนนเทพารักษ์ กม. 21 จังหวัดสมุทรปราการ การออกแบบและพัฒนาภายใต้หลักการอาคารสีเขียว เพื่อควบคุมตั้งแต่การใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน จนถึงการจัดการของเสีย สอดคล้องกับข้อกำหนดของมาตรฐาน LEED ซึ่งกำหนดโดยสภาอาคารเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council) ครอบคลุมตั้งแต่ด้านการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนคุณภาพของอากาศและสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้อาคาร ซึ่งถือเป็นการช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมคลังสินค้าของไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
ผู้บริหาร WHA อธิบายต่อ ถึงหลักการบริหารจัดการสาธารณูปโภคอย่างยั่งยืน ในนิคมอุตสาหกรรมและชุมชนโดยรอบว่า WHA ให้ความสําคัญกับการใช้น้ำ อย่างมีประสิทธิภาพและรับผิดชอบ ด้วยการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม รวมไปถึงจัดหาแหล่งน้ำสํารอง และดูแลคุณภาพน้ำเสียก่อนปล่อยออกสู่ภายนอกพื้นที่อุตสาหกรรม โดยในฐานะผู้ให้บริการและผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม และผู้ให้บริการบําบัดน้ำเสียครบวงจร มีการวางแนวทางการบริหารจัดการน้ำทั้งเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการในนิคมฯ และเพื่อส่งเสริมทรัพยากรน้ำให้กับชุมชนข้างเคียง ด้วยแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมการจัดหาแหล่งน้ำ การผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม การบําบัดน้ำเสีย และการนําน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ การลดการสูญเสียน้ำในระบบผลิตและจ่ายน้ำ
รวมถึงการนํานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้บริหารจัดการน้ำอย่างหลากหลาย ได้แก่ กระบวนการอัลตราฟิลเตรชันและรีเวิร์สออสโมซิส ระบบบำบัดน้ำเสียแบบตะกอนเร่ง แบบใช้ถังตกตะกอน แบบบึงประดิษฐ์ และแบบบ่อเติมอากาศ ตลอดจนริเริ่มโครงการ Clean Water For Planet เพื่อส่งเสริมและพัฒนาระบบบําบัดน้ำเสียให้ชุมชนโดยรอบและบุคคลภายนอก
นับจากโครงการนำน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมกลับมาใช้ใหม่ที่ริเริ่มในปี 2560 ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) จนถึงปัจจุบัน ระบบของดับบลิวเอชเอมีกำลังในการบำบัดน้ำเสียรวมกันถึงกว่า 36,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน พร้อมวางเป้าหมายที่ 83,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันในปี 2571 ตลอดจนวางเป้าหมายในการลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติประมาณ 21,000,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปีในปี 2570

นอกจากนั้น ยังมีโครงการ Demineralized Reclaimed Water ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นแหล่งผลิตน้ำทางเลือก โดยปรับปรุงคุณภาพน้ำจากระบบบําบัดน้ำเสียด้วยกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาผลิตเป็นน้ำเพื่ออุตสาหกรรมปราศจากแร่ธาตุจําหน่ายให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ
สำหรับด้าน ไฟฟ้า บริษัทฯ เน้นการพัฒนาพลังงานทดแทนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของโลกร้อน รวมถึงลดการปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศ และตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายรูปแบบ อาทิ Floating Solar โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำของบ่อเก็บน้ำดิบ ภายในนิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ที่มีขนาดไฟฟ้ารวม 8 เมกะวัตต์ Solar Carpark โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่จอดรถขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี (ประเทศไทย) มีขนาดไฟฟ้ารวม 7.7เมกะวัตต์ Solar Rooftop โครงการผลิตไฟฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่หลังคาโรงงาน ที่ ปริงซ์ เฉิงซาน ไทร์ (ประเทศไทย) มีขนาดไฟฟ้ารวม 24.25T เมกะวัตต์ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนขยายโครงการพัฒนาพลังงานทดแทนทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมของ WHA อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ในแง่ธุรกิจ WHA จะมีการดำเนินธุรกิจหลายแห่งกระจายทั่วประเทศ สร้างการเติบโตต่อเนื่อง อีกด้าน ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังช่วยสร้างสังคมและชุมชน ให้เติบโตไปด้วยกัน ผลักดันให้สังคมโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม มีงาน มีรายได้ โดยริเริ่มโครงการปันกัน ช่วยสนับสนุนเทคโนโลยี-วัสดุ (ผักตบชวา) อุดหนุนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและจำหน่ายของชาวชุมชนในท้องถิ่นภายในพื้นที่โดยรอบนิคมฯ พร้อมช่วยอนุรักษ์วิชาชีพ หัตถกรรม งานประดิษฐ์ คหกรรมอาหาร อาหารพื้นบ้าน ของชุมชนท้องถิ่น และยังช่วยประชาสัมพันธ์ให้แก่ชาวชุมชนอีกด้วย
“ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจต้องควบคู่ไปกับการสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อความมุ่งมั่นสู่การเป็น The Ultimate Solution for Sustainable Growth ผ่านพันธกิจ WHA: We Shape The Future ที่มุ่งเน้นการสร้างอนาคตให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เราพร้อมเสมอที่จะร่วมจับมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน ซี่งที่ผ่านมาเราได้เห็นแล้วว่าความสำเร็จเกิดขึ้นจริงจากความร่วมมือของทุกคนที่พร้อมจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนวาระความยั่งยืนให้บรรลุเป้าหมาย”
— จรีพร กล่าว
กล่าวได้ว่า WHA ซึ่งดำเนินกิจการใน 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัล โซลูชัน โดยกระจายทั่วประเทศ และยังมีถึงที่ต่างประเทศ (เวียดนาม) จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีตัวช่วยรวบรวมข้อมูล เพื่อการดูแล-ตรวจสอบได้อย่างทั่วถึง จึงพัฒนา ระบบศูนย์ควบคุมส่วนกลาง (Unified Operation Center: UOC) มาใช้งานเพื่อรวบรวม บูรณาการ และแสดงผล จากระบบตรวจสอบเฝ้าระวังในโครงการและพื้นที่ปฏิบัติงานของกลุ่มบริษัทฯ นี่จึงเป็นอีกตัวช่วย ที่ทำให้ WHA ควบคุมดูแลทุกส่วนได้อย่างทั่วถึง (ยังไม่รวมเวียดนาม)
ทั้งนี้ ระบบ UOC ที่จัดทำขึ้น ก็เพื่อรองรับการตรวจวัดสถานะต่างๆ ในเขตประกอบการแบบเรียลไทม์ ทั้งระบบผลิตน้ำ ระบบการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น ตามเจตนารมณ์ของกลุ่ม บริษัทฯ ที่ต้องการให้มีการแสดงข้อมูลผลชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมอย่างโปร่งใส และรองรับให้เป็นไปตามข้อกําหนดโดยหน่วยงานรัฐที่ให้มีการเผยแพร่ผลการตรวจวัดต่อสาธารณะได้ต่อไป
