YLG มองทองคำไปต่อ สิ้นปีลุ้นแตะไฮใหม่ 2,650 ดอลลาร์

3 ก.ย. 2567 - 09:52

  • YLG ชี้ แม้กันยายน สถิติราคาทองคำ ไม่ค่อยดี แต่ยังมอง ทองคำไปต่อ

  • สิ้นปีมีลุ้น แตะไฮใหม่ 2,650 ดอลลาร์

  • ทองแท่งในประเทศลุ้นเป้าหมาย 43,000 บาท

ylg-analysis-gold-goes-on-end-year-new-high-2,650-dollar-SPACEBAR-Hero.jpg

วายแอลจี (YLG) ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทองคำครบวงจร วิเคราะห์สถานการณ์ราคาทองคำ โดยระบุ แม้ในเดือนกันยายน ทองคำจะมีสถิติที่ไม่ค่อยดี แต่ในปีนี้จะมีแรงสนับสนุนที่เพิ่มเข้ามา คือการเริ่มต้นวงจรดอกเบี้ยขาลงของเฟด คาดหากลด 0.50% มีลุ้นเห็นทองคำทำสถิติใหม่อีกครั้ง คาดหากผ่าน 2,550 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ มีโอกาสเห็นพุ่งแตะ 2,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ นอกจากนี้ ธนาคารกลางทั่วโลกยังซื้อทองคำต่อเนื่อง ล่าสุดครึ่งปีซื้อ 483 ตัน สูงกว่าครึ่งปีก่อน อีกทั้ง ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์โลกยังน่ากังวลและยืดเยื้อ  ด้านทองไทยมีแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า มองเป้าหมายปีนี้ที่ 43,000 บาทต่อบาททองคำ ล่าสุด YLG ปรับกลยุทธ์ เพิ่มทางเลือกนักลงทุน

ylg-analysis-gold-goes-on-end-year-new-high-2,650-dollar-SPACEBAR-Photo01.jpg

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส)  เปิดเผยว่า จากสถิติแล้วภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในเดือนกันยายน ไม่ค่อยสดใสมากนัก โดยหากย้อนดูเดือนกันยายน ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา จะเกิดการปรับฐานโดยเฉลี่ยราว 2-3% 

แต่อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้ทองคำปรับฐานลงไปไม่ลึกเท่าสถิติที่ผ่านมา หรือมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจนทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำการปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 0.50% ซึ่งเป็นปัจจัยที่ยังต้องรอลุ้น หรือกรณีที่เฟดปรับลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ทองคำก็อาจถูกแรงขายทำกำไรในช่วงสั้นได้ แต่มองยังจำกัด เนื่องจากยังมีปัจจัยสนับสนุนในด้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน 

ราคาทองคำยังคงมีมุมมองเชิงบวกอยู่ โดยมองว่าหากผ่าน 2,550 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ไปได้ ก็จะไปที่เป้าหมายถัดไป 2,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เพราะนอกจากเรื่องดอกเบี้ยนโยบายเฟดแล้ว ยังมีปัจจัยพื้นฐานในด้านอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุนราคา โดยเฉพาะความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ จะยังเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนให้ยังคงต้องการถือครองทองคำไว้ในพอร์ตการลงทุนไว้ อย่างน้อย 5-10% ของพอร์ตการลงทุนรวม หรือพอร์ตที่ความเสี่ยงที่สูงก็ควรถือเพิ่มขึ้นมาได้ถึง 15% 

นอกจากนี้ ในระยะยาวยังมีปัจจัยสนับสนุนจาก การเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก สะท้อนผ่านข้อมูลจากสภาทองคำโลก ที่ได้รายงานตัวเลขการเข้าซื้อทองคำในครึ่งแรกของปี 2567 อยู่ที่ 483 ตัน ซึ่งถือเป็นปริมาณการเข้าซื้อในครึ่งปีแรกที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลมา แสดงให้เห็นว่าทองคำยังมีความต้องการที่แข็งแกร่ง และรวมไปถึง กองทุน ETF ทองคำ ที่เริ่มเห็นเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ราคาทองคำในประเทศนั้น ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับราคาทองคำในตลาดโลก แม้ว่าจะปรับขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าเนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า  อย่างไรก็ดีมองว่า หากราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวขึ้นสู่กรอบเป้าหมาย 2,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เป้าหมายถัดไปของราคาทองคำแท่งในประเทศจะอยู่ที่ 42,850-43,000 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ย 1 สัปดาห์ ที่ระดับ 34.10 บาทต่อดอลลาร์) 

ส่วนในระยะสั้นที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงเพื่อรอความชัดเจนของเฟดนั้น แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการเก็งกำไร ให้รอการย่อตัวสร้างฐานแล้วทำการเข้าซื้อเล่นสั้น โดยมีแนวรับที่ 2,484-2,465 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนแนวต้านมองที่ 2,532-2,550 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์  ส่วนทองคำในประเทศมองแนวรับที่ 40,350-40,050 บาทต่อบาททองคำ  ส่วนแนวต้านมองที่ 41,100-41,400 บาทต่อบาททองคำ

ylg-analysis-gold-goes-on-end-year-new-high-2,650-dollar-SPACEBAR-Photo02.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์