YLG ชี้ราคาทองผันผวน ตลาดจับตาเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน หลังทรัมป์เตรียมประกาศข้อตกลง

8 พ.ค. 2568 - 10:20

  • YLG ชี้ทองผันผวนสูงแต่ลงไม่ลึก หลังฟื้นจาก 3,200$ สู่จุดสูงสุด 3,438$ ใกล้ทำสถิติ 3,500$ ล่าสุดถูกขายทำกำไรจากความคืบหน้าเจรจาการค้าสหรัฐฯ

  • ระยะสั้นมีแรงขายทำกำไร แต่ YLG เชื่อเจรจาการค้าต้องใช้เวลา ขณะที่ทองยังได้แรงหนุนระยะยาวจากธนาคารกลางทั่วโลกสะสมต่อเนื่อง

  • แนะนักลงทุนใช้โอกาสทองคำผันผวน หาจังหวะเน้นการทำกำไรในระยะสั้น มองกรอบแนวรับ 3,320-3,292 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวต้าน 3,400-3,415 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนทองไทยมองเคลื่อนไหวในกรอบ 51,200-53,200 บาทต่อบาททองคำ

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่าล่าสุดในวันนี้ (8 พ.ค.) เป็นวันที่สองที่ทองคำถูกแรงขายทำกำไรในระยะสั้นสลับเข้ามากดดัน หลังจากที่เริ่มเกิดกระแสข่าวและความคาดหวังถึงการเจรจาทางการค้า โดยเฉพาะสหรัฐ-จีน ที่มีกำหนดมาเจรจากันที่สวิตเซอร์แลนด์สุดสัปดาห์นี้  โดยส่งตัวแทน สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ  ส่วนทางจีนส่ง เหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีมาเป็นตัวแทน  นอกจากนี้ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ปธน.สหรัฐฯ ได้โพสต์ Truth Social ว่าจะจัดแถลงข่าวในวันนี้เวลา 10.00 น. (เวลาไทย 21.00 น.) เกี่ยวกับ "ข้อตกลงการค้าที่สำคัญกับประเทศขนาดใหญ่"  โดยสื่อตีข่าวว่าเป็นสหราชอาณาจักร

อย่างไรก็ตาม การเจรจาทางการค้าดังกล่าว ไม่อาจกลับมาสงบลงได้ทุกประเทศทั่วโลกในระยะเวลาสั้นๆ  ดังนั้น วายแอลจี จึงประเมินว่าแม้ระยะสั้นทองคำจะเริ่มถูกขายทำกำไรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ในระยะกลางการเจรจาจะยังดำเนินการไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป อาทิ ระหว่างสหรัฐ-จีน ที่กำลังจะเจรจาที่สวิตเซอร์แลนด์ช่วงสุดสัปดาห์ อาจมีการผ่อนปรนภาษีที่เคยตอบโต้กับไปมาในอัตราที่สูงเกิน 100% ลงมาบ้างเพื่อเป็นการเปิดทางนำไปสู่การเจรจาขั้นถัดไป  และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีฝ่ายใดที่ยอมแสดงความอ่อนข้อลง จากที่เมื่อวาน (7 พ.ค.) กระทรวงพาณิชย์จีน เผยว่า สหรัฐเป็นฝ่ายติดต่อเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า  แต่ทาง 'ทรัมป์' กลับได้กล่าวในวันนี้ว่า จีนเป็นฝ่ายเริ่มขอเจรจาระหว่างสองชาติ ไม่ใช่สหรัฐอย่างที่จีนกล่าวอ้าง

 ดังนั้น YLG จึงมองว่าการพักตัวของราคาทองคำจะไม่ได้ลงลึก เนื่องจากในท้ายที่สุดแล้วก็จะเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจโลกไม่มากก็น้อย  และในทางกลับกัน หากการเจรจาระหว่างสหรัฐกับจีนไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะกลับมากระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง โดยแม้ว่าปีนี้ทองคำจะเคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แล้ว แต่มองว่าเมื่อจบรอบการพักฐาน จะมีโอกาสปรับขึ้นไปทดสอบได้อีกครั้งโดยหากการปรับตัวขึ้นครั้งถัดไปสามารถทำระดับสูงสุดใหม่ได้ จะมีเป้าหมายในปีนี้ที่ 3,600-3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ส่วนทองคำแท่งในประเทศหากผ่าน 54,400 บาทต่อบาททองคำได้ จะมีโอกาสขึ้นทดสอบเป้าหมายระยะยาวที่ 56,000–57,500 บาทต่อบาททองคำ 

อย่างไรก็ดีการแกว่งตัวของราคาทองคำในตลาดโลกครั้งนี้ อาจสร้างแรงกดดันให้กับทองไทยมากกว่าทองโลก เนื่องจากค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าอย่างมีนัยสำคัญ  โดยนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำในช่วงนี้ระยะสั้นสามารถหาจังหวะทำกำไรจากการเข้าซื้อขายภายในกรอบ โดยมองกรอบแนวรับ 3,320-3,292 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวต้าน 3,400-3,415 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ส่วนทองไทยมองเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 51,650-51,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์  และกรอบแนวต้าน 52,900-53,200 บาทต่อบาททองคำ 


 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์