ภาพถ่ายชายชาวจีนยืมยิ้มกรุ้มกริ่ม ในมือของเขาถือขวดแก้วที่มีรูปทรงคล้ายกับขวดโคคาโคล่า พร้อมกับฉากหลังที่เป็นพระราชวังต้องห้ามแห่งกรุงปักกิ่ง ภาพนี้ถ่ายขึ้นโดย หลิวเฮียงฉิง (Liu Heung Shing) ช่างภาพรางวัลพูลิตเซอร์ชาวฮ่องกง เมื่อปี ค.ศ. 1981 ซึ่งเป็นช่วงแรกที่ชาวจีนเคยลิ้มลองรสชาติของเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่โด่งดังไปทั่วโลก
ช่วงนั้นหลิวมีอายุ 20 ตอนปลาย และเป็นตอนที่เขาเริ่มเข้ามาทำงานให้กับนิตยสาร Time ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่เขาคิดว่าประเทศจีนได้เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านทางด้านวัฒนธรรมหลังจากการเสียชีวิตของ เหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong) เมื่อปี 1976
“การเปลี่ยนตอนแรกมันค่อนข้างละเอียดอ่อน ถ้าคุณอยู่ที่นั่นคุณจะไม่ทันสังเกต” หลิว กล่าว เขายังเคยเป็นช่างภาพที่ถ่ายทันเหตุการณ์ตอนที่เหมาเจ๋อตุงเสียชีวิต และมีผู้คนออกมาร่ำไห้บริเวณหาดที่แม่น้ำเพิร์ลในมณฑลกวางโจว หลิวเล่าว่าเขาได้พบกับการเปลี่ยนผ่านมาหลายครั้งตั้งแต่เด็กในช่วง 1950s ก่อนที่จะย้ายมาอาศัยอยู่ในฮ่องกง
ช่วงนั้นหลิวมีอายุ 20 ตอนปลาย และเป็นตอนที่เขาเริ่มเข้ามาทำงานให้กับนิตยสาร Time ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่เขาคิดว่าประเทศจีนได้เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านทางด้านวัฒนธรรมหลังจากการเสียชีวิตของ เหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong) เมื่อปี 1976
“การเปลี่ยนตอนแรกมันค่อนข้างละเอียดอ่อน ถ้าคุณอยู่ที่นั่นคุณจะไม่ทันสังเกต” หลิว กล่าว เขายังเคยเป็นช่างภาพที่ถ่ายทันเหตุการณ์ตอนที่เหมาเจ๋อตุงเสียชีวิต และมีผู้คนออกมาร่ำไห้บริเวณหาดที่แม่น้ำเพิร์ลในมณฑลกวางโจว หลิวเล่าว่าเขาได้พบกับการเปลี่ยนผ่านมาหลายครั้งตั้งแต่เด็กในช่วง 1950s ก่อนที่จะย้ายมาอาศัยอยู่ในฮ่องกง
ภายใต้การปกครองของเหมา ประเทศจีนเข้าสู่ความอดอยากและเต็มไปด้วยคนยากจน ช่วงนี้เองที่เป็นชาวจีนหลายคนเดินทางเพื่อไปแสวงโชคที่ประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย แต่หลังจากที่เหมาเจ๋อตุงเสียชีวิต หลิวเล่าว่าชีวิตผู้คนเริ่มดูดีขึ้น รวมใบหน้าเริ่มสงบและผ่อนคลายมากขึ้นเช่นกัน เรื่องราวเหล่านี้ปรากฎอยู่ในภายถ่ายของเขาที่นำเสนอชีวิตชาวจีนตั้งแต่ยุคที่ตกต่ำสุดสู่จุดสูงสุด หนึ่งในภาพถ่ายของเขาที่แสดงถึงวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไปคือภาพถ่ายชายถือโค้ก
ในเดือนธันวาคม 1978 บริษัทโคคาโคล่าได้รับอนุญาตให้เป็บบริษัทแรกนับตั้งแต่การปฏิวัติคอมมิวนิสต์ในการนำเครื่องดื่มน้ำอัดลมมาขายได้ในประเทศจีน และในเดือนเดียวกันนี้เองที่กรุงปักกิ่งกับรัฐวอชิงตันประกาศความสัมพันธ์ชิโนอเมริกัน รวมถึง เติ้ง เสี่ยวผิง (Deng Xiaoping) สามารถกอบกู้เศรษฐกิจในจีนได้ด้วยนโยบายเปิดประเทศ (Open Door) อันที่จริงบริษัทโคคาโคลาเคยเข้ามาทำตลาดในจีนเมื่อปี 1920s แต่ถูกบังคับให้ออกไปในปี 1949 พร้อมกับบริษัทต่างชาติอื่นๆ โดยรัฐบาลจีนยุคนั้น
ในเดือนธันวาคม 1978 บริษัทโคคาโคล่าได้รับอนุญาตให้เป็บบริษัทแรกนับตั้งแต่การปฏิวัติคอมมิวนิสต์ในการนำเครื่องดื่มน้ำอัดลมมาขายได้ในประเทศจีน และในเดือนเดียวกันนี้เองที่กรุงปักกิ่งกับรัฐวอชิงตันประกาศความสัมพันธ์ชิโนอเมริกัน รวมถึง เติ้ง เสี่ยวผิง (Deng Xiaoping) สามารถกอบกู้เศรษฐกิจในจีนได้ด้วยนโยบายเปิดประเทศ (Open Door) อันที่จริงบริษัทโคคาโคลาเคยเข้ามาทำตลาดในจีนเมื่อปี 1920s แต่ถูกบังคับให้ออกไปในปี 1949 พร้อมกับบริษัทต่างชาติอื่นๆ โดยรัฐบาลจีนยุคนั้น
หลิวถ่ายภาพ โรเบอร์โต กอยซูเอตา (Roberto Goizueta) ประธานบริษัทโค้กยืนดื่มโค้กกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายชาวจีน จากนั้นเขาเริ่มคิดว่าเขาจะหาชาวจีนตามเมืองที่กำลังดื่มโค้กอย่างไรดี
หลิวเดินทางไปยังพระราชวังต้องห้าม ที่ซึ่งคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว เขาได้พบกับชายชาวจีนชื่อ จางเว่ย (Zhang Wei) กำลังยืนซื้อโค้กจากแผงร้านค้าขนาดเล็ก
“ผมจำได้ว่าเขาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเครื่องดื่มโค้กด้วย เขาพูดว่ามันรสชาติงั้นๆ” หลิวเล่า
หลิวเดินทางไปยังพระราชวังต้องห้าม ที่ซึ่งคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว เขาได้พบกับชายชาวจีนชื่อ จางเว่ย (Zhang Wei) กำลังยืนซื้อโค้กจากแผงร้านค้าขนาดเล็ก
“ผมจำได้ว่าเขาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเครื่องดื่มโค้กด้วย เขาพูดว่ามันรสชาติงั้นๆ” หลิวเล่า
“ในฐานะที่เป็นช่างภาพ ผมตระหนักถึงความสำคัญนะว่าชายที่แต่งตัวด้วยชุด PLA (People’s Liberation Army) คนนี้เป็นหนึ่งในชาวจีนกลุ่มแรกที่ได้ลิ้มลองรสชาติของโค้ก แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำของชาวจีน”
ภาพถ่ายถูกตีพิมพ์และจัดแสดงในปีต่อๆ มา และหลิวได้กลายเป็นเพื่อนกับจางนับตั้งแต่นั้น ในปี 1983 ภาพถ่ายนี้ปรากฎอยู่ในหนังสือภาพถ่าย “China after Mao” หนังสือรวมภาพที่ถ่ายในช่วงปี 1976-1982 รวมถึงอยู่ในหนังสือของหลิวชื่อ “Liu Heung Shing: A Life in Sea of Red”
ภาพถ่ายถูกตีพิมพ์และจัดแสดงในปีต่อๆ มา และหลิวได้กลายเป็นเพื่อนกับจางนับตั้งแต่นั้น ในปี 1983 ภาพถ่ายนี้ปรากฎอยู่ในหนังสือภาพถ่าย “China after Mao” หนังสือรวมภาพที่ถ่ายในช่วงปี 1976-1982 รวมถึงอยู่ในหนังสือของหลิวชื่อ “Liu Heung Shing: A Life in Sea of Red”