
‘บังเอิญ’ จน ‘บันเทิง’
“ไม่ควรมีเรื่องบังเอิญในบทภาพยนตร์” ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนริเริ่มประโยคดังกล่าว แต่มันมีบันทึกหรือหลักสูตรสอนอยู่จริงๆ หากคุณลองเสิร์ชหาหลักการเขียนบทภาพยนตร์เบื้องต้นในกูเกิ้ล แต่สำหรับ ‘เรื่องตลก 69’ ทั้งเวอร์ชั่นภาพยนตร์และฉบับซีรีส์นี้ มันคือการเอาสถานการณ์ความบังเอิญจำนวนมากมาร้อยเรียงต่อกันจนจบเรื่อง และมันก็ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมไม่หยอก ดังนั้นก็อาจจะพิสูจน์ได้ว่าประโยคข้างต้นนั้นอาจไม่จริงซักทีเดียว เพราะเมื่อความบังเอิญเหล่านั้นถูกคิดอย่างละเอียดให้เกี่ยวหวัดรัดพันกันแบบใน ‘เรื่องตลก 69’ มันกลับแปรเปลี่ยนเป็นความบันเทิง จนส่งผลให้ผู้เขียนรู้สึกอยากติดตามเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นชนิดที่ว่าไปไหนไปกันจนจบ 6 ตอนรวด ด้วยจังหวะจะโคนของแต่ละซีน การที่ตัวละครหมายจะทำสิ่งหนึ่ง แต่ดันพลาดส่งผลกระทบไปสู่สิ่งหนึ่ง ชิ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง วนซ้ำๆ จนดูท่าจะเตลิดไปไกล แต่สุดท้ายเส้นทางเหล่านั้นมันก็วนมาบรรจบกันในตอนท้าย นี่ยังไม่นับองค์ประกอบอื่นๆ ระหว่างทาง อาทิเซ็ตติ้งอันถึงใจ คาแรคเตอร์ที่จัดจ้าน และประเด็นทางสังคมที่แนบผ่านตัวหนังมาโดยจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
พลอต ‘เดิม’ เพิ่มเติมคือตุ้มเวอร์ชั่น ‘ใหม่’
สำหรับตัวผู้เขียน ที่ตีความอย่างสนุกๆ แบบคิดเองเออเอง ผู้เขียนมองว่าแต่ไหนแต่ไร ‘ตุ้ม’ ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลนอกไปจากตัวละครที่แทนค่าคนไทยคนหนึ่งที่ต้องเกิดมาในสังคมที่หลายๆ อย่างทั้งการเมือง ดูจะเป็นเรื่องตลกและผิดที่ผิดทางไปเสียหมด ‘ตุ้ม’ แทนค่าคนหาเช้ากินค่ำที่ไม่อาจต่อต้านระบบเศรษฐกิจอันโหดร้ายของโลกใบนี้ได้ คุณอาจจะไม่เข้าใจตุ้มและอาจจะไม่เข้าใจ ‘ตลก69’ หากคุณไม่ตกลงมาในสถานะจนตรอก จนสามารถเข้าใจว่าเงินล้านมันจะมีค่ามากพอที่จะทำให้คนๆ นึงตัดสินใจที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้ได้ยังไง คุณอาจจะไม่เข้าใจตุ้ม ถ้าหากความฝันคุณคือการสร้างธุรกิจยิ่งใหญ่โดยไม่ต้องพึ่งต้นตระกูลที่รวยอยู่แล้วของคุณแต่คุณจะเข้าใจตุ้มทันที ถ้าหากคุณเป็นคนที่ต้องพับความฝันของคุณไว้ตลอดกาลเพราะต้องดิ้นรนเพื่อขอให้แค่พ่อแม่สุขสบาย คุณจะเข้าใจเธอ ถ้าคุณเคยอยู่ในสถานะที่พลาดพลั้งทางการเงินและไม่มีสิ่งใดรองรับ นอกจากพื้นคอนกรีตแข็งๆ ที่ตกลงไปแล้วเจ็บถึงตาย
ซึ่งในขณะที่ผู้ชมหลายท่านติดกับดักกับคาแรคเตอร์ของ ‘ตุ้ม’ ในแบบฉบับ ใหม่ ดาวิกา ที่บ้างก็ว่าไม่สู้ชีวิตเท่าเวอร์ชั่นก่อน ดูเฉยชาไร้อารมณ์ หมดหวังกับชีวิตง่ายเกินไป บ้างก็ว่าฉากหลังอย่างพิษโควิดก็ร้ายแรงสู้วิกฤตการณ์เศรษฐกิจต้มยำกุ้งเมื่อ 40 ปีก่อนไม่ได้ หรือบ้างก็ว่าเงินล้านดูน้อยเกินไปแล้วสำหรับเดิมพันให้คนๆ หนึ่งตัดสินใจทำอะไรที่เลวร้าย

แต่สำหรับผู้เขียนเอง เวอร์ชั่นซีรีส์ของตลก69 คือการวาดภาพ ‘ตุ้ม’ ในแบบฉบับใหม่ที่ตรงเผงที่สุดแล้ว ในโลกที่ค่าครองชีพพุ่งทะลุปรอทหลายสิบเท่า แต่เงินเดือนเด็กจบใหม่ยังอยู่ที่ 15,000 บาท ยุคที่ใครหลายคนเลือกที่จะใช้เงินเพื่อประคองตัวให้รอดไปวันๆ ยุคที่ก้อนเค้กถูกจับจองผ่านคนรุ่นสู่รุ่น ช่องทางดิ้นรนเพื่อที่คนๆ นึงจะสามารถมุดโผล่พ้นช่องว่างระหว่างฐานะมันแคบเสียจนหาไม่เจอ หนทางที่จะใช้เงินที่ดีที่สุดของ ‘ตุ้ม’ ในยุคนี้ก็คงเหมือนกับ ‘ตุ้ม’ ในเรื่อง ที่เงินเดือนออกก็เลือกที่จะปรนเปรอตัวเองด้วยมื้ออาหารหรูๆ หรือเครื่องดื่มดีๆ เลือกที่จะรับความสุขที่อยู่ตรงหน้าเดี๋ยวนั้น เฉยชากับสภาพที่ตัวเองเป็นอยู่ เพราะหนทางที่จะนำไปสู่อนาคตมันช่างมืดบอด ถ้าหากยังอยู่ในสภาพสังคมอันชวนหัวแบบนี้ บางทีเรื่องยากอย่างการถูกหวยแล้วหนีไปต่างประเทศแบบตุ้มอาจจะเป็นคำตอบที่ง่ายกว่า
ซึ่งมาคิดเล่นๆ ก็แปลกดี ที่เมื่อจับแพะชนแกะกันมั่วๆ สถานการณ์การเมืองไทยปัจจุบันมันก็ดันมีตอนจบที่ตรงกับของซีรีส์อย่างประหลาด ในขณะที่การหนีไปยังประเทศแถบสแกนดิเนเวีย (ที่มีรัฐสวัสดิการพอให้ลืมตาอ้าปาก) ของตุ้มถูกพังทลาย แม้จะดั้นด้นไปถึงสนามบิน จนเธอต้องมานั่งเผาวีซ่าเชงเก้นปลอมๆ ทิ้งไปอย่างไร้ค่า
ในโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อไม่กี่เดือนก่อนตุ้มอย่างเราๆ นอกจอ ที่ยังมีความหวังไม่ต่างจากตุ้มในเรื่อง ความหวังที่ประเทศไทยจะได้นับหนึ่งกับรัฐสวัสดิการ จู่ๆ มันก็ถูกทำลายลงโดยเหล่าผู้มีอำนาจบางกลุ่มราวกับบัตรเลือกตั้งของพวกเราไม่มีค่าเช่นกัน ซึ่งก็แน่นอนว่าการเขียนบทน่าจะมีก่อนเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิด และนั่นมันก็ทำให้น่าเศร้าเข้าไปอีก เพราะแสดงว่าโลกจะพัฒนาไปแค่ไหน จะมีตุ้มลุกฮือดิ้นรนขึ้นมากันเป็นล้านคน แต่เหตุการณ์ชวนตลกแต่ขำไม่ออกแบบนี้ มันก็ยังคนวนซ้ำอยู่ในสังคมไทย แม้สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะพัดผ่านมาแล้วก็ตาม ก็ได้แต่หวังว่าสายลมนั้นมันจะไม่จางหายไปในเร็ววันดั่งข้อความที่ขึ้นมาในตอนจบของ ‘เรื่องตลก 69 เดอะซีรีส์’
“สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดเข้าแทนที่
ควันปืน และ แก๊สน้ำตา ในอีกหนึ่งปีต่อมา
แต่มันจะอยู่ได้นานแค่ไหน
กาลเวลาเท่านั้นจะเป็นผู้ให้คำตอบ”
ซึ่งมาคิดเล่นๆ ก็แปลกดี ที่เมื่อจับแพะชนแกะกันมั่วๆ สถานการณ์การเมืองไทยปัจจุบันมันก็ดันมีตอนจบที่ตรงกับของซีรีส์อย่างประหลาด ในขณะที่การหนีไปยังประเทศแถบสแกนดิเนเวีย (ที่มีรัฐสวัสดิการพอให้ลืมตาอ้าปาก) ของตุ้มถูกพังทลาย แม้จะดั้นด้นไปถึงสนามบิน จนเธอต้องมานั่งเผาวีซ่าเชงเก้นปลอมๆ ทิ้งไปอย่างไร้ค่า
ในโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อไม่กี่เดือนก่อนตุ้มอย่างเราๆ นอกจอ ที่ยังมีความหวังไม่ต่างจากตุ้มในเรื่อง ความหวังที่ประเทศไทยจะได้นับหนึ่งกับรัฐสวัสดิการ จู่ๆ มันก็ถูกทำลายลงโดยเหล่าผู้มีอำนาจบางกลุ่มราวกับบัตรเลือกตั้งของพวกเราไม่มีค่าเช่นกัน ซึ่งก็แน่นอนว่าการเขียนบทน่าจะมีก่อนเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิด และนั่นมันก็ทำให้น่าเศร้าเข้าไปอีก เพราะแสดงว่าโลกจะพัฒนาไปแค่ไหน จะมีตุ้มลุกฮือดิ้นรนขึ้นมากันเป็นล้านคน แต่เหตุการณ์ชวนตลกแต่ขำไม่ออกแบบนี้ มันก็ยังคนวนซ้ำอยู่ในสังคมไทย แม้สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะพัดผ่านมาแล้วก็ตาม ก็ได้แต่หวังว่าสายลมนั้นมันจะไม่จางหายไปในเร็ววันดั่งข้อความที่ขึ้นมาในตอนจบของ ‘เรื่องตลก 69 เดอะซีรีส์’
“สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดเข้าแทนที่
ควันปืน และ แก๊สน้ำตา ในอีกหนึ่งปีต่อมา
แต่มันจะอยู่ได้นานแค่ไหน
กาลเวลาเท่านั้นจะเป็นผู้ให้คำตอบ”