การศึกษาพบว่า โล้นซ่า “แกร่งกว่า” มีผม
ที่มาของการศึกษาสุดแหวกในครั้งนี้ มาจากการที่ ดร.อัลเบิร์ต แมนเนส เลคเชอร์ประจำที่ Wharton School,University of Pennsylvania ตัดสินใจโกนผมบางๆ ที่เหลืออยู่ในวัยใกล้เข้าเลข 4 ของเขาจนโล้น ก่อนที่เขาจะค้นพบว่า “ผู้คนแปลกหน้าปฏิบัติกับเขาด้วยท่าทีที่แตกต่างจากเดิม”ซึ่งนั่นทำให้อาจารย์คนเก่งของเราปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที แมนเนสที่ตอนนี้หัวโล้นไปแล้ว จึงได้ทำการออกแบบการทดลอง 3 รูปแบบเพื่อทดสอบการรับรู้ของบุคคลทั่วไป ที่มีต่อผู้ชายที่โกนหัวจนโล้นเรี่ยม ซึ่งการศึกษาของเขาในครั้งนี้ปรากฏในวารสาร Social Psychological and Personality Science เลยทีเดียว
และการศึกษาทั้ง 3 ฉบับก็พบผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าเชื่อ ศรีษะที่ถูกโกนจนโล้นของผู้ชายนั้นเชื่อมโยงกับความมีอำนาจครอบงำอย่างน่าประหลาด หรือกล่าวง่ายๆ ผู้ชายที่หัวโล้นมักถูกมองว่ามีอำนาจกว่าปกติ ซึ่งในบทความนี้เรายกตัวอย่างการศึกษา 2 ตัวอย่างมาเล่าสู่กันฟัง

ในการศึกษาครั้งแรก แมนเนสให้นักศึกษา 59 คน ดูรูปถ่ายของผู้ชาย 25 คน ที่ลงทะเบียนเรียนในโปรแกรมโรงเรียนธุรกิจ โดยผู้ชาย 10 คนในนั้นโกนหัว และที่เหลือไว้ผมหลากหลายทรง และมีความยาวต่างกันไป
ผลปรากฏว่า อาสาสมัครให้คะแนนภาพถ่ายของผู้ชายที่โกนหัวว่าเด่นกว่า หมายความว่าหัวโล้นทำให้พวกเขาดูมีอำนาจ มีอิทธิพลต่อความคิดมากกว่าคนที่มีผมเต็มศีรษะ
ส่วนในการทดลองครั้งที่สอง ผู้คนทั่วไปจำนวน 344 ได้ดูรูปถ่ายของผู้ชาย 4 คนที่แตกต่างกัน ซึ่งภาพหนึ่งเป็นภาพจริงของชายคนนี้ที่ไว้ทรงผมตามปกติ แต่ภาพที่สองของเขาได้รับการปรับแต่งด้วยกระบวนการทางดิจิทัลเพื่อลบเส้นผมออกทั้งหมด
ข้อสรุปคือผู้คนต่างโหวตให้คะแนนผู้ชายที่โกนหัวแบบดิจิทัลว่าโดดเด่นกว่าผู้ชายไว้ผมทรงปกติ ทั้งๆ ที่ 2 รูปดังกล่าวคือคนเดียวกัน จากการทดลองนี้นักวิจัยด้านผลกระทบได้ออกมากล่าวว่า สาเหตุหลักๆ มาจากการที่คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าคนหัวโล้นมีความมั่นใจและความเป็นชายมากกว่า
นอกจากนี้การทดลองเพิ่มเติมก็พบว่า ผู้ชายไร้ผมมักถูกมองว่าตัวสูงกว่าความเป็นจริงเกือบหนึ่งนิ้ว และมีความแข็งแรงกว่าผู้ชายที่มีผมถึง 13 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว \
ผลปรากฏว่า อาสาสมัครให้คะแนนภาพถ่ายของผู้ชายที่โกนหัวว่าเด่นกว่า หมายความว่าหัวโล้นทำให้พวกเขาดูมีอำนาจ มีอิทธิพลต่อความคิดมากกว่าคนที่มีผมเต็มศีรษะ
ส่วนในการทดลองครั้งที่สอง ผู้คนทั่วไปจำนวน 344 ได้ดูรูปถ่ายของผู้ชาย 4 คนที่แตกต่างกัน ซึ่งภาพหนึ่งเป็นภาพจริงของชายคนนี้ที่ไว้ทรงผมตามปกติ แต่ภาพที่สองของเขาได้รับการปรับแต่งด้วยกระบวนการทางดิจิทัลเพื่อลบเส้นผมออกทั้งหมด
ข้อสรุปคือผู้คนต่างโหวตให้คะแนนผู้ชายที่โกนหัวแบบดิจิทัลว่าโดดเด่นกว่าผู้ชายไว้ผมทรงปกติ ทั้งๆ ที่ 2 รูปดังกล่าวคือคนเดียวกัน จากการทดลองนี้นักวิจัยด้านผลกระทบได้ออกมากล่าวว่า สาเหตุหลักๆ มาจากการที่คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าคนหัวโล้นมีความมั่นใจและความเป็นชายมากกว่า
นอกจากนี้การทดลองเพิ่มเติมก็พบว่า ผู้ชายไร้ผมมักถูกมองว่าตัวสูงกว่าความเป็นจริงเกือบหนึ่งนิ้ว และมีความแข็งแรงกว่าผู้ชายที่มีผมถึง 13 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว \

ซึ่ง แมนเนส ผู้ทดลองก็ได้ออกมากล่าวสรุปอธิบายถึงเหตุผลดังนี้ เหตุผลแรกคือเรื่องของภาพจำในวัฒนธรรมอเมริกัน
"การโกนหัวพบได้ในวัฒนธรรมอเมริกัน ในอาชีพผู้ชายแบบดั้งเดิม อาทิ การทหาร ผู้บังคับใช้กฎหมาย และนักกีฬา" แมนเนสอธิบาย
ส่วนอีกเหตุผลที่น่าสนใจ คือแต่ก่อนผู้ชายที่หัวโล้นนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติขนาดนั้นในสังคม ทำให้ผู้ชายหัวโล้นมักต้องใช้ความมั่นใจมากกว่าปกติจนกลายเป็นภาพจำของพวกเขา
"สังคมสมัยก่อนให้คุณค่ากับรูปลักษณ์ความงามภายนอกอย่างสูง เส้นผม ทรงผม ก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นผู้ชายหัวโล้นจึงต้องใช้ความมั่นใจในการจัดการกับเรื่องนี้"
ซึ่งทั้งหมดนั้นส่งผลให้ผู้ชายหัวโล้นกลายเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่ง ความมีอำนาจในเพศชาย ซึ่งมันก็แสดงออกมาในภาพยนตร์แอคชั่น ที่เราคาดหวังว่าจะได้เห็นตัวละครเอกสุดแกร่งไล่เตะก้นผู้ร้ายชนิดไร้ทางสู้นั่นเอง
"การโกนหัวพบได้ในวัฒนธรรมอเมริกัน ในอาชีพผู้ชายแบบดั้งเดิม อาทิ การทหาร ผู้บังคับใช้กฎหมาย และนักกีฬา" แมนเนสอธิบาย
ส่วนอีกเหตุผลที่น่าสนใจ คือแต่ก่อนผู้ชายที่หัวโล้นนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติขนาดนั้นในสังคม ทำให้ผู้ชายหัวโล้นมักต้องใช้ความมั่นใจมากกว่าปกติจนกลายเป็นภาพจำของพวกเขา
"สังคมสมัยก่อนให้คุณค่ากับรูปลักษณ์ความงามภายนอกอย่างสูง เส้นผม ทรงผม ก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นผู้ชายหัวโล้นจึงต้องใช้ความมั่นใจในการจัดการกับเรื่องนี้"
ซึ่งทั้งหมดนั้นส่งผลให้ผู้ชายหัวโล้นกลายเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่ง ความมีอำนาจในเพศชาย ซึ่งมันก็แสดงออกมาในภาพยนตร์แอคชั่น ที่เราคาดหวังว่าจะได้เห็นตัวละครเอกสุดแกร่งไล่เตะก้นผู้ร้ายชนิดไร้ทางสู้นั่นเอง