“ได้แค่ยืนข้างขวาที่เดิม มาแสนนาน
แอบรักข้างเดียวมันทรมาน เธอรู้ไหม
จะเป็นคนนั้นของเธออย่างไร บอกฉันที”
นี่คือหนึ่งในท่อนสำคัญของซิงเกิลใหม่ ‘ข้างขวา’ จากวงดนตรีที่มีชื่อว่า ‘Wallrollers’ พวกเขาเป็นศิลปินยุคใหม่คลื่นระลอกที่ 3 ประจำค่าย genie records ที่ผมกำลังจะได้มีโอกาสพูดคุยกันในวันนี้ นี่จะเป็นบทสัมภาษณ์แรกของพวกเขาที่จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับซิงเกิลใหม่ การเติบโตในค่ายยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ ความฝันที่ตั้งเป้าหมายว่าจะไปให้ถึงและเรื่องราวของวงการเพลงไทยในปัจจุบันจากสายตาของพวกเขา และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ต่อหน้าทุกคนขณะนี้คือบทสัมภาษณ์ของวงดนตรีวงนี้ที่ เราอยากให้ทุกคนได้รู้จักพวกเขาครับ 
WALLROLLERS ประกอบไปด้วย
ภูร์ (นักร้องนำ)
เอิร์ธ (กีต้าร์)
แฮม (เบส)
และ ดิว (กลอง)
เอิร์ธ (กีต้าร์)
แฮม (เบส)
และ ดิว (กลอง)

ทำไมซิงเกิลใหม่ต้องมีชื่อว่า ‘ข้างขวา’ ?
ภูร์: ซิงเกิลใหม่ของพวกเขาที่ชื่อว่า ‘ข้างขวา’ เพราะมันคือ ด้านตรงข้ามกับหัวใจที่อยู่ด้านซ้ายครับ ที่มาของเพลงนี้ มันเกิดขึ้นจากเพื่อนคนนึงที่เรารู้จัก เขามักจะยืนอยู่ข้างขวาคนที่เขาชอบอยู่เสมอ ผมก็เลยหยิบมาเล่าเรื่องต่อว่า ข้างขวามันไม่ได้อยู่ใกล้หัวใจนะ มันก็เลยกลายมาเป็นการต่อยอดสู่เรื่องราวของ FriendZone ในเพลงนี้ครับ‘มือขวา (ผู้ช่วยอันดับ 1) ชื่อเริ่มต้นก่อนจะมาเป็น ‘ข้างขวา’
เอิร์ธ: จริงๆ คำนี้และเรื่องราวที่เกิดขึ้นเราเห็นสิ่งนี้พร้อมกันครับ ทั้ง 4 คนรู้จักพอดี ตอนแรกไอเดียเพลงนี้มันเป็นคำว่า ‘มือขวา’ ประมาณว่า เราชอบใคร เราก็เสนอหน้าไปช่วยเหลือแล้ว ไปอยู่ใกล้ๆ เขา ไปช่วยเขา ไปเป็นมือขวา ตอนแรกเพลงจะชื่อ ‘มือขวา (ผู้ช่วยอันดับ 1)’ แล้วไปคุยกับพี่กบ บิ๊กแอส พอดี เราเลยเอาไอเดียนี้ไปเล่า พี่กบก็เลยบอกว่า เราชอบไอเดียนี้ แต่มันดูมาเฟียไปหน่อยเลยคิดว่า งั้นเปลี่ยนเป็นข้างขวาดีไหม หัวใจอยู่ข้างซ้ายด้วย พี่ซานิก็เคยบอกพวกเราตอนที่ไปสัมภาษณ์รายการว่า การที่เขาให้ใส่แหวนข้างซ้าย เพราะเลือดมันจะได้ไปล่อเลี้ยงหัวใจด้วยครับณัฐ Klear กับการช่วยเหลือน้องๆ ในฐานะโปรดิวเซอร์และพี่ชายคนสำคัญของวง
ภูร์: เพลงนี้ตอนพาร์ทที่เป็นเสียงดนตรีจะเป็น ‘แฮม’ คิดเมโลดี้ทั้งหมด แล้วผมก็จะเวิร์กเรื่องคอนเซปต์เนื้อเพลงกับพี่กบ บิ๊กแอส ต่อครับแฮม: พี่ณัฐจะมาช่วยเรียบเรียงในพาร์ทของดนตรี เติมพวกเสียงซินธิไซเซอร์ด้วย พวกเราชอบเพลงแนวอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้วด้วยพอมาบวกกับเพลงร็อกยิ่งแฮปปี้ครับ
เอิร์ธ: จริงๆ เรานิยามเพลง ‘ข้างขวา’ ว่ามันคือเพลงร็อกยุค 2000 ถ้าตัดซินธิไซเซอร์ออก มันก็คือเพลงร็อกที่เราฟังเลย แต่พี่ณัฐก็มาเติมอะไรที่มันใหม่ๆ ขึ้น เราก็เติมสีสันไปด้วยกันทั้งคู่ในเพลงนี้ครับ

ความทรมานในการแอบรักข้างเดียวจากสายตาของ Wallrollers
แฮม: เพลงนี้มันแทนใจคนอื่นได้นะ เพราะว่า คนเราน่าจะมีมุมมองความรักที่ไม่สมหวังอยู่แล้ว ต่อให้ทุกคนี่ฟังอยู่จะมีแฟนแล้วก็ตาม ก็คิดว่า มันน่าจะมีเรื่องราวแบบนี้สักครั้งในชีวิตที่เคยเกิดขึ้นอยู่บ้างไม่มากก็น้อยครับเอิร์ธ: ผมว่า คนเรามันจะมีคนๆ นึงที่คิดว่า เป็นไปไม่ได้ อยู่เสมอ มันจะมีคนนั้นจริงๆ ที่มันเป็นไปไม่ได้เลย ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม เราจะเก็บคนนั้นไว้ในหัวใจเสมอ ไม่ว่าจะอายุ 40-50 ปี มันก็จะมีคนนี้อยู่ในชีวิตแน่นอน ผมว่า อันนี้แหละมันคือ โมเมนท์ข้างขวาของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นวัยไหนก็ตาม
ภูร์: ผมชอบคำว่า คนเดียวที่เป็นไปไม่ได้มากๆ เลย พอนึกย้อนกลับไป ผมเองก็มีคนเดียวที่เป็นไปไม่ได้ ตอนที่เขียนเพลงนี้ก็นึกฟีลออกมาว่า การแอบรักข้างเดียวมันอึดอัด ยิ่งในวัยเรียนด้วย มันรู้สึกมากๆ
ดิว: มันขนลุกตรงที่มีคนเดียวในชีวิตเลย มันไม่ได้จริงๆ
เอิร์ธ: แต่สุดท้ายคำว่า รักข้างเดียวมันทรมานมันน่าจะเป็นวัยๆ หนึ่งมากกว่า พอเราผ่านไปได้ ในอนาคต เราอาจจะมีครอบครัว เราก็จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องนึงที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเท่านั้นเอง

มิวสิกวิดีโอ ‘ข้างขวา’ กับเนื้อเรื่องที่อยากจะสื่อสารกับคนฟัง
แฮม: เหนื่อยน้อยลงครับ (หัวเราะ) ล้อเล่นครับ คิดว่า ดีครับพอมีนักแสดงมามันก็เหมือนมีคนมาช่วยถ่ายทอดเรื่องราวของเพลงได้มากกว่าเดิม มากกว่าที่พวกเราจะมาแสดงสีหน้าอย่างเดียวเอิร์ธ: ตอนแรกมิวสิกวิดีโอ เราคุยกับค่ายและพี่ผู้กำกับเขาได้เนื้อเรื่องมา เขาดึงความเศร้าของตัวเนื้อเพลงมาได้ถึงจริงๆ
ภูร์: ใช่ครับ พอพี่อ๊อฟ ผู้กำกับมิวสิกวิดีโอ เขาไปวางภาพมา ผมตกใจและเซอร์ไพร์สเลย มันเศร้ากว่าที่เราคิดไว้อีกนะ ชอบมิวสิกวิดีโอมากครับ รู้สึกว่า เพลงนี้ที่มันออกมาถึงตรงนี้ได้ มันผลักดันอารมณ์เพลงออกขึ้นมาได้เต็มที่ตามที่พวกเราอยากให้มันเป็นจริงๆ ครับ
Wallrollers กับ การเติบโตสู่ขวบปีที่ 3 ในครอบครัว genie records
แฮม: ได้เรียนรู้เรื่องการทำงานกับคนอื่นครับ พอมาอยู่ค่ายก็มีโปรดิวเซอร์ ตอนไปส่งเพลงมีตารางต่างๆ รู้เรื่องระบบทั้งหมดมากขึ้นดิว: เป็นระเบียบขึ้นครับ
เอิร์ธ: จริงๆ เรายังต้องเรียนรู้ไปกับค่ายด้วย พวกเราเข้ามาพร้อมกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วย พี่ๆ ทุกคนก็เพิ่งเริ่มสร้างเจนใหม่ เหมือนเป็นคลื่นลูกที่ 3 อย่างที่หลายสื่อเขาว่ากัน พวกเราคุยงานกันตลอดกับพี่ๆ เขาครับ ไม่ได้ทำงานเพลงอย่างเดียว เราจะสร้างหลายอย่างไปด้วยกัน เรียนรู้ไปด้วยกัน

การออกไปทัวร์ออกไปเล่นคอนเสิร์ตกับกลุ่มคนฟังรุ่นใหม่ที่เปิดใจยอมรับมากขึ้น
เอิร์ธ: ผมว่า คนฟังยุคใหม่มีการตอบรับที่ง่ายกว่ายุคก่อนหน้านี้นะ คนรุ่นก่อนจะมีทรงในการดูคอนเสิร์ตประมาณนึง แต่เด็กยุคนี้เขาพร้อมที่จะให้กำลังใจเรา เราอาจจะอยู่ในยุคที่เด็ก GEN Z เขาถูกเรียนรู้มาว่า การให้เกียรติคนอื่น เป็นสิ่งที่ดี พวกเราสี่คนเห็นพร้อมกันในวันที่ไปเล่นงานที่สยาม เขาก็ตอบรับดี ทั้งๆ ทีเขาไม่รู้จักเพลงเราเลย มันเป็นเรื่องที่เซอร์ไพร์สเหมือนกัน จนกระทั่งไปเล่นตามโรงเรียน เขาก็ต้อนรับเราตั้งแต่ไปซาวด์เช็กเลย มีขนมมีอะไรมาให้เรา ดีใจที่พวกเราไปเล่นที่โรงเรียนพวกเขา เด็กยุคนี้เขาพร้อมที่จะเปิดรับมากขึ้น แต่เราก็ต้องหาอะไรไปสื่อสารกับเขาให้ได้เช่นกันดิว: ผิดคาดเหมือนกันครับ ตอนแรกก็ลุ้นอยู่ว่า น้องๆ จะสนุกกับพวกเราไหม แต่พอเห็นภาพที่ได้กลับมา ทุกคนสนุกจริงๆ
การเล่นดนตรีในที่กลางแจ้งง่ายกว่าการไปเล่นร้านเหล้า
เอิร์ธ: พวกเรายังไม่เคยเจอนะ แต่เรากำลังจะมีในเร็วๆ นี้ คิดว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเราแน่นอน เดี๋ยวต้องรอดูว่าเป็นยังไง ผมคิดว่ามันน่าจะยากกว่ากับการเป็นศิลปินหน้าใหม่ไปลุย แต่ก็คิดว่า เดี๋ยวเราต้องปรับเซ็ตของเพลงให้เข้ากับร้านมากขึ้น
เป้าหมายของวง Wallrollers
เอิร์ธ: อยากมีเพลงดังก่อนเลย มันน่าจะทำให้เราได้เติบโตได้ไวขึ้นด้วย แต่ก็ต้องมาตั้งโจทย์อีกทีว่า เพลงดังยุคนี้มันเป็นอย่างไร มันไม่เหมือนสมัยก่อนนะ ทำนองเพราะ ดนตรีประมาณนึงก็มีโอกาสดังได้ แต่ยุคนี้ผมว่า ถ้าตั้งใจจะดังเกินไปมันก็น่าจะยาก มันต้องมีอะไรที่เด่นขึ้นมา ที่มันแตกต่างกันจริงๆ ยุคนี้กลุ่มคนฟังมันชัดเจนมากขึ้นศิลปินที่อยากร่วมงานด้วย
แฮม: Paper Planes ครับ อยากไปเล่นที่ซาฟารีเวิล์ดบ้าง (หัวเราะ) จริงๆ อยากร่วมงานด้วยครับเอิร์ธ: ก็มีคุยๆ กันบ้างครับ อยากจะชวน เซน จาก Paper Planes มาแจมในการทำงานด้วยครับ อยากจะได้มุมมองใหม่ๆ จากเขา มาแจมกันกับเราเหมือนกัน
วงการเพลงไทยในมุมมองของ Wallrollers
แฮม: ตอนนี้วงการมันถูกแบ่งแนวเพลงหลากหลายมากๆ ทุกกลุ่มคนฟังมันมีคนฟังมากขึ้นและชัดเจนครับดิว: มันยากนะ ยุคนี้เพลงออกมามันต้องดีจริงๆ ถึงจะไปได้ แต่ก่อนค่ายยังไม่เยอะ คนทำเพลงไม่เยอะ เดี๋ยวนี้ใครก็ทำเพลง ก็เปิดค่ายได้ มันต้องพยายามให้มันดี
ภูร์: พอการแข่งขันมันสูงขึ้นเราก็ต้องเน้นมากขึ้น มันแทบจะอ่านไม่ได้แล้วว่าเพลงแบบไหนจะดัง องค์ประกอบมันเยอะขึ้น โซเชียลมีเดียเยอะขึ้น อัลกอรึทึมเปลี่ยนเลย ทุกวันนี้เราเดาทางยากมาก เราก็ต้องพยายามมากขึ้นมากๆ ให้มันไปได้ครับ การแข่งขันมันสูงมาก เราก็ต้องเน้นตามการแข่งขัน
เอิร์ธ: มันยากต่อคนฟัง แต่ดีกว่าคนทำ ยุคนี้มีอะไรให้ฟังเพียบเลย ไม่ได้จำกัดโดยสื่อหลักอย่างเดียวแล้ว แต่สำหรับคนทำมันยากมาก เราต้องช่ำช่องจริงๆ ถึงจะโผล่ไปได้ เราเริ่มรู้เส้นทางของตัวเองแล้ว เพลงต่อไปเราอาจจะลงลึกไปอีกกว่าที่เคยเป็นครับ

สุดท้ายนี้อยากให้ Wallrollers ฝากผลงาน
ภูร์: ฝากเพลงใหม่ของพวกเราด้วยนะครับชื่อเพลง ‘ข้างขวา’ สามารถรับชมรับฟังช่อง genierock ครับเอิร์ธ: แล้วก็ฝากช่องทางโซเชียลมีเดียทุกช่องทางเลย Facebook,Twitter,Instargram เสิร์ชว่า Wallrollers ได้เลยครับ ฝากพวกเราด้วยนะครับ