4 ซีรีส์การเมืองสุดเข้มข้นไว้ดูยามว่างในเทศกาลเลือกตั้ง

19 เม.ย. 2566 - 07:02

  • ในสถานการณ์บ้านเราที่บรรยากาศยังคุกกรุ่นไปด้วยเทศกาลเลือกตั้งที่กำลังเข้มข้นแบบนี้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คลายเหนื่อยจากงานอันหนักหนาด้วยการเปิดซีรีส์ดู ถ้าซีรีส์ที่จะกลับไปดูวันนี้มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองไปด้วยก็คงจะดีไม่น้อย เพราะนอกจากความเพลิดเพลินที่คุณจะได้รับ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะตกผลึกความคิดบางอย่างทางการเมืองก่อนเข้าคูหาเดือนหน้าเลยทีเดียว

Four-Series-Election-SPACEBAR-Thumbnail

1. House of Cards (2013–2018) 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5Ui4OKzWpMIMse9oJl7WZR/34408b367a1efab741151eb16ef1f66f/Four-Series-Election-SPACEBAR-Photo_V01
Photo: IMDB
นี่นับว่าเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีชที่ Netflix เคยใช้ประกาศศักดาถึงคุณภาพของคอนเทนต์ออริจินอลที่พวกเขาสามารถทำได้ต่อวงการบันเทิงทั่วโลกอย่างเต็มตัว ด้วยการเป็นซีรีส์ออริจินอลของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย รวมถึงรางวัลใหญ่อย่าง เอมมี่ อวอร์ดส์ ถึง 7 รางวัล 
 
House of Cards คือซีรีส์ระทึกขวัญการเมือง ว่าด้วยเรื่องราวอันเข้มข้น ของแฟรงค์ อันเดอร์วูด (เควิน สเปซีย์) นักการเมืองไร้ศีลธรรมจอมทะเยอทะยาน และ แคลร์ อันเดอร์วูด (โรบิน ไรท์) ภรรยาผู้ศีลเสมอกัน แฟรงก์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการแห่งรัฐ หรือเทียบเท่าตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา แต่นั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของเป้าหมายที่แฟรงค์ และ แคลร์วางไว้เท่านั้น  
 
นี่คืองานมาตรฐานระดับสูง อุดมไปเรื่องราวอันพลิกผัน และเชี่ยวชาญอย่างยิ่งในการทิ้งท้ายในแต่ละตอนด้วยซีน Cliffhanger ชนิดที่ผู้ชมอ้าปากหวอต้องกดดูต่อในทันที การแสดงระดับท็อปของ 2 มหาดาราแห่งยุคก็ตรึงผู้ชมได้อยู่หมัด ตลอดเวลาหลายชั่วโมงเราจะได้เห็นแผนการอันซับซ้อนซ่อนเงื่อน การช่วงชิงอำนาจ ทรยศ หักหลัง ความไร้ปราณี และศีลธรรมอันบิดเบี้ยวที่จะย้อนกลับมาตั้งคำถามบางอย่างต่อการมองโลกใบนี้ในจิตใจผู้ชมอย่างลึกซึ้ง 
 
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือซีซั่นสุดท้ายของซีรีส์เรื่องนี้ต้องคว่ำลงไม่เป็นท่า จากการที่ เควิน สเปซีย์ ต้องถูกถอดจากงานบันเทิงทั้งหมดเนื่องจากปัญหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศในอดีตของเขา นั้นทำให้ซีซั่นที่ 6 ต้องเปลี่ยนบทใหม่ทั้งหมดกระทันหันและต้องยอมรับว่ามันไม่เวิร์คเอาเสียเลย  
 

2. BrainDead (2016) 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/40GaJ24llPc75l9pVsukss/3935db10670f0942bb2532172e79e733/Four-Series-Election-SPACEBAR-Photo01
ซีรีส์การเมืองสุดแสบที่จิกกัดเรื่องราวในสภาของสหรัฐอเมริกาในช่วงนั้นได้อย่างแสบสันต์ ด้วยการผสมผสานเอาความไซไฟเข้ามาเป็นตัวเดินเรื่อง โดยผีมือของผู้สร้างเดียวกันกับซีรีส์ The Good Wife  
 
จะเป็นอย่างไรเมื่อ ลอเรล ฮีลี่ย์ (แมรี่ อลิซาเบธ วินสตีด) อดีตนักทำหนังสารคดีต้องจับพลัดจับผลูเข้ามาทำงานเป็นพนักงานในสภาของสหรัฐอเมริกา และค้นพบว่าเบื้องหลังความเละเทะของการเมืองอเมริกันในขณะนั้น เป็นเพราะบรรดานักการเมืองถูกแมลงอวกาศชนิดหนึ่งไต่เข้าไปในสมองและกัดกินสมองจนพวกเขาความคิดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หรือไม่ก็หัวระเบิดแหลกเหลวไปเลย ถือว่าเป็นการวิพากษ์สิ่งที่เกิดในโลกแห่งความจริงได้อย่างเข้าใจคิดสุดๆ 
 
ทำไมจู่ๆ บรรดาเหล่าผู้นำประเทศถึงได้ตัดสินใจอะไรโง่ๆ ออกมามากมายเต็มไปหมดกันนะ? 
 
คำตอบก็คือพวกเขาถูกแมลงกัดกินสมองจนกลวงโบ๋ยังไงล่ะ !! 
 
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดก็คงจะไม่ได้ คือการรับบทนำของ แมรี่ อลิซาเบธ วินสตีด เป็นช้อยส์ที่ผู้สร้างตัดสินใจได้ถูกเผง จะมีใครเหมาะสมที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของหญิงสาวที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์บ้าๆ ที่ยากจะจับต้นชนปลายถูกเท่ากับนักแสดงมากฝีมือที่เคยรับบทนำในภาพยนตร์ระทึกขวัญหลายๆ เรื่องอาทิ 10 Cloverfield Lane (2016) หรือบทแจ้งเกิดของเธอในภาพยนตร์เฟรนไชน์สยองขวัญชื่อดัง Final Destination 3 (2006) 
 

3. Designated Survivor: 60 Days (2019) 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/65UPBCQtS7ZbhkjoR51UcL/39e0c76b6f64d3e2c29c677298925121/Four-Series-Election-SPACEBAR-Photo02
ผลงานดัดแปลงจากซีรีส์อเมริกันการเมืองพลอตสุดโต่งอย่าง Designated Survivor (2016) เมื่อจู่ๆ สภาใหญ่ก็เกิดเหตุวินาศกรรมจนสมาชิกสภาทุกคนเสียชีวิตหมด เหลือเพียงแค่รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมที่เป็นเพียงอาจารย์วิชาการที่เข้ามาทำงานอย่างซื่อตรง แทบจะไร้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง จนจะถูกอัปเปหิออกจากตำแหน่งอยู่ร่อมร่อ แต่ต้องกลายมาเป็นประธานาธิบดีของประเทศ เพราะกฏเกนฑ์ ผู้ถูกกำหนดให้รอดชีวิต (Designated Survivor) ตามชื่อเรื่อง 
 
จากพลอตที่น่าสนใจ ทำให้เราคล้อยตามตัวซีรีส์ไปได้ไม่ยาก การได้เห็นพัฒนาการของตัวเอกที่ต้องค่อยๆ ประคับประคองประเทศผ่านอุปสรรคนานัปประการด้วยคุณธรรม และความรู้วิชาการที่เขามี เผชิญหน้ากับเกมการเมืองที่เขาไม่คิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับมันมาก่อน และอีกทางหนึ่งก็ยังต้องตามหาเบื้องลึกเบื้องหลังว่าแท้จริงแล้ว วินาศกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของใคร และเป้าประสงค์ของพวกมันคืออะไรกันแน่  
 
ซึ่งพอซีรีส์กลายมาเป็นเวอร์ชันเกาหลีแล้วนั้น ก็ต้องยอมรับว่าจะมีความดราม่าถูกขยายเข้าไปตามแบบฉบับซีรีส์จากแดนกิมจิ  แต่สำหรับชาวเอเชียโดยเฉพาะชาวไทยอย่างเราๆ ที่เข้าใจแพทเทิร์นของซีรีส์เกาหลี และรีเลทกับดราม่าแบบฉบับเอเชียอยู่แล้ว ดราม่าที่ผู้สร้างหยอดเพิ่มมากลับกลายเป็นตัวช่วยชั้นดี ทำให้ตัวเรื่องมีอรรถรส มีเลือดเนื้อมากขึ้น ชูให้ความพลิกผันของพาร์ทการเมืองนั้น ทวีคูณความเข้มข้นมากขึ้นไปอีก 
 
 

4. Youth of May (2021) 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5wL6HhznS3oJNWDJKGL8XP/3252b5713302529d54e8b770a73bfb6d/Four-Series-Election-SPACEBAR-Photo03
“ในความทรงจำที่ควังจู” หรือ “Youth of May” คือซีรีส์โรแมนติคดราม่าที่มีฉากหลังเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศเกาหลีหรือ “การก่อการกำเริบควังจู” ในปี 1980 ที่ประชาชนออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยจนเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ นำมาสู่การเสียสละเลือดเนื้อของมวลชนจนนำมาสู่ประธิปไตยของประเทศเกาหลีใต้ในที่สุด 
 
โดยซีรีส์จะเล่าเรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มนักศึกษาแพทย์สุดเพียบพร้อมอย่าง ฮวังฮีแท (อีโดฮยอน) กับ คิมมยองฮี (โกมินซี) พยาบาลสาวที่ต้องปาดกัดตีนถีบเพื่ออนาคตที่ดีกว่า และ อีซูรยอน (กึมแซรก) เพื่อนสนิทของคิมมยองฮี สาวนักศึกษาด้านกฏหมายสาวที่เป็นหนึ่งในแนวร่วมที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย  
 
แม้ฉากหลังจะดูเศร้าโศก แต่ซีรีส์ก็ยังคงแบบฉบับความเป็นซีรีส์โรแมนติคเกาหลีไว้ได้อย่างครบถ้วน โมเม้นต์ยิ้มแก้มปริ ฟินจิกหมอน หรือความโศกแบบรักสามเศร้า ก็มีให้เห็นอย่างครบถ้วน แต่ก็เพิ่มเติมแนวคิดการต่อสู้ของประชาชน ความเป็นประชาธิปไตย ความเข้าใจชนชั้นของสังคมลงไปในความโรแมนติคได้อย่างลงตัว  
 
 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์