ภาพของเหล่านักรบ กลาดิเอเตอร์ ถือดาบ กลาดิอุส หรืออาวุธหนักถึงตายต่างๆ กระโจนเผชิญหน้าห้ำหั่นกันบนโคลอสเซียมอันแสนยิ่งใหญ่กันจนตายไปข้างเพื่อตอบสนองความบันเทิงของผู้ชม กลายมาเป็นหนึ่งในภาพจำสำคัญของอารยธรรมโรมันโบราณ ที่ถูกพัฒนากลายมาเป็นสื่อต่างๆ ทั้ง นิยาย ละครเวที ภาพยนตร์ ซีรีส์ เรียกได้ว่าบันเทิงกันมาตั้งแต่โบราณยันยุคสมัยปัจจุบัน และสื่อเหล่านี้เองก็มีส่วนสำคัญ ที่ให้ผู้ชมทั่วไปมีภาพจำว่าชีวิตของกลาดิเอเตอร์ส่วนมากมักแขวนอยู่บนเส้นด้าย ซึ่งความจริงมันอาจไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะแม้กลาดิเอเตอร์ส่วนใหญ่จะมาจากการเป็นทาส หรือ เชลยสงคราม แต่พวกเขาเหล่านี้ก็ถือเป็นทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าของชนชั้นสูง แถมงานอีเวนต์ที่โคลอสเซียมในแต่ละครั้งมีนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐเข้าร่วมด้วย มีการลงรายละเอียดในการจัดงานที่ปราณีต เนื่องจากมันเป็นหน้าเป็นตาและแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิ กลาดิเอเตอร์แต่ละคน จะอยู่ในองค์กรที่มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ไล่ตั้งแต่การเฟ้นหาผู้ที่จะมาเป็นกลาดิเอเตอร์ เหล่าเอเยนต์ที่มีหน้าที่เฟ้นหานักรบฝีมือดี จะดั้นด้นไปทั่วทั้งอาณาจักรเพื่อค้นหาเพชรเม็ดงาม ราวกับการเฟ้นหานักกีฬาในปัจจุบันเลยทีเดียว ก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งไปยังโรงเรียนพิเศษที่ตั้งขึ้นเพื่อฝึกฝนกลาดิเอเตอร์โดยเฉพาะ แม้สภาพโดยรวมของโรงฝึกจะไม่ได้ดีกว่าเรือนจำมากนัก แต่เรื่องอาหารและการแพทย์ในนั้นนับว่าดีกว่ามาก
ซึ่งกลาดิเอเตอร์ในจักรวรรดิโรมันนั้น ไม่ได้สู้จนตัวตายเสมอไป เพราะอย่างที่กล่าวไปว่ามหกรรมภายในโคลอสเซียมนั้นมีวัตถุประสงค์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดบางครั้งจักรพรรดิก็มาเข้าชมด้วย ดังนั้นกฏระเบียบในการต่อสู้จะค่อนข้างเคร่งครัดและเข้มงวด พวกเขาจะมีคนที่คอยทำหน้าที่คล้ายกรรมการกีฬาที่พร้อมจะหยุดการแข่งขันหากกลาดิเอเตอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสู้ต่อไม่ไหว มีการบันทึกไว้ว่าอัตราการตายของกลาดิเอเตอร์โรมันนั้นอาจจะไม่ถึง 1 ใน 10 เสียด้วยซ้ำ นั่นเท่ากับกว่าการพ่ายแพ้ของกลาดิเอเตอร์ไม่ได้หมายถึงความตายเสมอไปอย่างที่เราเข้าใจกัน
แถมสถานะของกลาดิเอเตอร์ที่มีฝีมือ แม้พวกเขาไม่ใช่คนสูงศักดิ์ บ้างก็ป่าเถื่อน หรือเป็นอาชญากร แต่ก็จัดว่าชื่อเสียงของพวกอยู่ในระดับที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะชนชั้นรากหญ้า เด็กน้อยชาวบ้านมักปั้นดินโคลนเป็นตุ๊กตาแทนกลาดิเอเตอร์คนโปรด สาวชาวบ้านหลายคนมีความใฝ่ฝันที่จะได้ครองรักกับกลาดิเอเตอร์ แถมบรรดาคนรวยก็ยิ่งไม่มีใครอยากให้กลาดิเอเตอร์ที่ตัวเองลงทุนลงแรงไป ตายอย่างแน่นอน เพราะในยุคที่ยังมีการค้าทาส มีการค้ามนุษย์อยู่ทั่วไป กลาดิเอเตอร์เก่งๆ ที่พวกเขากว่าจะเฟ้นหาเจอ กว่าจะเงินลงเวลาไปเพื่อฟูมฟักขึ้นมาจนมีสถานะราวกับ เซเลบริตี้ ในสมัยโบราณนั้น ก่อประโยชน์ให้กับพวกเขาได้มากมาย ถึงขนาดที่ เหงื่อ และ เลือดของกลาดิเอเตอร์เก่งๆ นั้นสามารถขายได้ เพราะว่ากันว่ามีฤทธิ์ปลุกกำหนัด ถูกนำไปผสมในสินค้าอย่าง เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิวหน้า หรือชุบเครื่องประดับเลยทีเดียว
แต่ก็แน่นอนว่าบรรดานักสู้ที่ต่อสู้จะตัวตายเพื่ออิสรภาพก็มีบันทึกไว้ แต่โดยมากมักจะเป็นนักโทษที่มีโทษประหารอยู่แล้ว ถูกส่งลงไปแบบไร้อาวุธเพื่อต่อสู้กับสัตว์ร้ายเสียมากกว่า ต่างจากบรรดากลาดิเอเตอร์จริงๆ ที่มีชื่อเสียงและได้รับการเลี้ยงดูราวกับนักกีฬาในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องราวของนักโทษประหารเหล่านั้นก็อาจจะถูกนำมาผสมผสานเพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับสื่อบันเทิงต่างๆ เพราะเรื่องราวของทาสผู้ต่ำต้อย ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยการเอาชีวิตเข้าแลกเพื่ออิสรภาพ เป็นภาพสะท้อนการต่อสู้ของคนชั้นชนล่างที่ถูกกดขี่จากผู้มีอำนาจทั้งหลายนั้น ไม่ว่าจะเล่าซ้ำกี่ที่ก็คงจับใจผู้ชมได้อยู่หมัดนั่นเอง
ซึ่งกลาดิเอเตอร์ในจักรวรรดิโรมันนั้น ไม่ได้สู้จนตัวตายเสมอไป เพราะอย่างที่กล่าวไปว่ามหกรรมภายในโคลอสเซียมนั้นมีวัตถุประสงค์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดบางครั้งจักรพรรดิก็มาเข้าชมด้วย ดังนั้นกฏระเบียบในการต่อสู้จะค่อนข้างเคร่งครัดและเข้มงวด พวกเขาจะมีคนที่คอยทำหน้าที่คล้ายกรรมการกีฬาที่พร้อมจะหยุดการแข่งขันหากกลาดิเอเตอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสู้ต่อไม่ไหว มีการบันทึกไว้ว่าอัตราการตายของกลาดิเอเตอร์โรมันนั้นอาจจะไม่ถึง 1 ใน 10 เสียด้วยซ้ำ นั่นเท่ากับกว่าการพ่ายแพ้ของกลาดิเอเตอร์ไม่ได้หมายถึงความตายเสมอไปอย่างที่เราเข้าใจกัน
แถมสถานะของกลาดิเอเตอร์ที่มีฝีมือ แม้พวกเขาไม่ใช่คนสูงศักดิ์ บ้างก็ป่าเถื่อน หรือเป็นอาชญากร แต่ก็จัดว่าชื่อเสียงของพวกอยู่ในระดับที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะชนชั้นรากหญ้า เด็กน้อยชาวบ้านมักปั้นดินโคลนเป็นตุ๊กตาแทนกลาดิเอเตอร์คนโปรด สาวชาวบ้านหลายคนมีความใฝ่ฝันที่จะได้ครองรักกับกลาดิเอเตอร์ แถมบรรดาคนรวยก็ยิ่งไม่มีใครอยากให้กลาดิเอเตอร์ที่ตัวเองลงทุนลงแรงไป ตายอย่างแน่นอน เพราะในยุคที่ยังมีการค้าทาส มีการค้ามนุษย์อยู่ทั่วไป กลาดิเอเตอร์เก่งๆ ที่พวกเขากว่าจะเฟ้นหาเจอ กว่าจะเงินลงเวลาไปเพื่อฟูมฟักขึ้นมาจนมีสถานะราวกับ เซเลบริตี้ ในสมัยโบราณนั้น ก่อประโยชน์ให้กับพวกเขาได้มากมาย ถึงขนาดที่ เหงื่อ และ เลือดของกลาดิเอเตอร์เก่งๆ นั้นสามารถขายได้ เพราะว่ากันว่ามีฤทธิ์ปลุกกำหนัด ถูกนำไปผสมในสินค้าอย่าง เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิวหน้า หรือชุบเครื่องประดับเลยทีเดียว
แต่ก็แน่นอนว่าบรรดานักสู้ที่ต่อสู้จะตัวตายเพื่ออิสรภาพก็มีบันทึกไว้ แต่โดยมากมักจะเป็นนักโทษที่มีโทษประหารอยู่แล้ว ถูกส่งลงไปแบบไร้อาวุธเพื่อต่อสู้กับสัตว์ร้ายเสียมากกว่า ต่างจากบรรดากลาดิเอเตอร์จริงๆ ที่มีชื่อเสียงและได้รับการเลี้ยงดูราวกับนักกีฬาในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องราวของนักโทษประหารเหล่านั้นก็อาจจะถูกนำมาผสมผสานเพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับสื่อบันเทิงต่างๆ เพราะเรื่องราวของทาสผู้ต่ำต้อย ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยการเอาชีวิตเข้าแลกเพื่ออิสรภาพ เป็นภาพสะท้อนการต่อสู้ของคนชั้นชนล่างที่ถูกกดขี่จากผู้มีอำนาจทั้งหลายนั้น ไม่ว่าจะเล่าซ้ำกี่ที่ก็คงจับใจผู้ชมได้อยู่หมัดนั่นเอง