23 ปีกับเรื่องราวการเดินทางของ Thaitanium ที่ตั้งใจจะรันวงการฮิปฮอปต่อไป

22 มี.ค. 2566 - 04:53

  • ทุกวันที่ 29 มีนาคมของทุกปี คือ วันเกิดอย่างเป็นทางการของวง Thaitanium

Interview-23Years-Thaitinium-SPACEBAR-Thumbnail

“ขอผมจับขอผม touch (อย่าทำทะลึ่งเบเบ๋) 
นอนบนตักพี่ซักพัก(อย่าทำทะลึ่งเบเบ๋) 
ขอสัมผัสได้มั้ยจ๊ะ (อย่าทำทะลึ่งเบเบ๋) 
คนเดียวไม่พอต้องคนละครึ่งเบเบ๋” 

วันนี้ผมกำลังยืนฟังเพลง ‘ทะลึ่ง’ อยู่ในขณะที่กำลังเดินทางไปเพื่อพบกับเจ้าของเพลงนี้อย่างวง Thaitanium ที่มีนัดพบกันเพื่อคุยกันเนื่องในวงเดินทางมาครบรอบ 23 ปีและกำลังปล่อยซิงเกิลล่าสุดอย่าง 'ทะลึ่ง 2023' หรือ 'Ta Lueng Baby' ที่พวกเขาตัดสินใจหยิบเพลงฮิตเพลงนี้มาทำใหม่อีกครั้ง แน่นอนผมมีคำถามมากมายเต็มไปหมดกับพวกเขาทั้งเรื่องของการเติบโตที่เกิดขึ้น ดราม่าที่ต้องเผชิญในเพลง ‘พ่อมึง’ และอนาคตต่อจากนี้ของวงที่จะเดินทางไปแบบใด  

ทันทีที่ผมเจอพวกเขาทั้ง 3 คน ขัน,เดย์ และ เวย์ กล่าวคำทักทายกันด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง ก่อนที่ผมจะบอกกับทั้ง 3 คนว่า ผมพร้อมแล้วนะที่จะถามคำถามทุกคำถามแบบตรงไปตรงมา และเมื่อวงให้สัญญาณถึงความพร้อม เครื่องบันทึกกดอัดเสียงและบทสัมภาษณ์นี้จึงเกิดขึ้นในหัวข้อ ‘การเติบโต พ่อมึง และก้าวต่อไปของ Thaitanium’ 

ความรู้สึกของการครบรอบ 23 ปี 

เวย์: รู้สึกเป็นปีนี้ยังเป็นขวบปีที่สนุกสนานอยู่นะครับ  
ขัน: ถือว่า พวกเราเดินทางมาไกลเหมือนกัน (ยิ้ม) 
เวย์: ผมว่า มันเป็นความรู้สึกที่ยังดีใจและยังมีแรงบันดาลใจที่จะทำเพลงต่อไปเรื่อยๆ อยู่ ยังรู้สึกเหมือนวันแรกที่ทำวง ยังสนุกสนานกับมันไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นนะ แค่บางวันเท่านั้นเอง (หัวเราะ)  

ความแตกต่างของปีแรกกับการเดินทางที่ตลอด 23 ปี  

ขัน: มันมีแต่เรื่องเก่าๆ คุยกัน เวลาเจอกันจะคุยกันเยอะมาก เวลามันเดินผ่านไปเยอะ พวกเราทำอะไรไปเยอะ มาก ทั้งคอนเสิร์ต ปล่อยเพลงต่างๆ เดินทางด้วยกัน เวลาเรารวมตัวกันมันก็ยังเหมือนเดิม เรามองหน้ากันมันก็เหมือนกับเรามองหน้ากันเมื่อ 23 ปีที่แล้ว  

เวลามีเพลงใหม่ออกมา มันเป็นเหมือนจุดตรงกลางที่เรามาเจอกัน เพียงแต่ว่า เราทำออกมาหลายรูปแบบมาก และจนมาทุกวันนี้เวลาทำอะไรต้องปรึกษากันเยอะๆ เรื่องต่างๆ เราพูดไปเยอะแล้ว มันเลยต้องคิดค่อนข้างเยอะ มันเลยเป็นการเดินทางครั้งใหม่ของพวกเราอีกครั้งในปีนี้ว่าเราจะเดินทางแบบไหนจะพูดเรื่องอะไร  

การเดินทางครั้งใหม่กับสิ่งที่ Thaitanium ต้องการพบและเผชิญ 

เวย์: ผมคิดว่า เรื่องที่คนเขาอยากจะเห็น อยากจะฟัง เราจะไปต่อกัน เรื่องเล่าในชีวิตของเรา แต่เราต้องหาอะไรมาเล่าให้เหมาะสมกับช่วงเวลาด้วย เรื่องนี้เราจะพูด เรื่องนี้เราอาจจะโชว์ภาพให้เขาเห็นว่า โอเคถ้าวันนึงอายุเท่าเรา คุณก็ยังทำเพลงได้นะ ยังมีแรงบันดาลใจหาอะไรทำต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่ใช่พออายุเท่านี้มันจะต้องหยุด มันไปต่อได้ ถ้าเรายังมีความคิดสร้างสรรค์
 
แต่ถ้าจะให้เราทำเพลงดุดัน มันก็อาจจะไม่ใช่นะยุคนี้ มันจะออกมาในช่วงชีวิตของเราที่เป็นช่วงนี้ด้วย สิ่งที่เรารัก ฮิปฮอปมันเป็นไปได้ทุกอย่าง 

ขัน: จริงๆ มันเป็นโมเมนท์มากกว่า เดือดมันทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่า มันต้องมีโมเมนท์ อย่างเช่น เรามีเพลง ‘พ่อมึง’ ออกไป เพลงมีกระแสออกไปในทางที่ลบ เราก็ต้องไปทำเพลงอีกอันนึง ชื่อเพลง ‘F ไทเท’ ออกมาเรามีสัญชาติญาณ แต่เพียงมันไม่มีอะไรดันเราให้ไปถึงตรงนั้น พอเรื่องพ่อมึงเกิดขึ้นวิญญาณเราก็กลับมาอีกครั้ง มันคือความรู้สึก แบบเราต้องทำอะไรสักอย่างออกไป ด้วยจังหวะและหลายอย่างที่มันลงตัวพอดี เพลงนี้จึงเกิดขึ้นครับ  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/52BiQC4Qb4HNl1R1UbQbua/0cfe1394b739438e5ce8993713f2ce22/Interview-23Years-Thaitinium-SPACEBAR-Photo02

ยุคสมัยของผู้ฟังที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและดราม่า ‘พ่อมึง’ ที่วงพบเจอ 

ขัน: จริงๆ ถามว่าทำงานยากขึ้นมั้ย ก็ไม่นะ มันเป็นธรรมชาติของโซเชียลมีเดีย เรารู้อยู่แล้ว เราเดินทางมันมาตลอด  

เวย์: เราเดินทางมากับมันก่อนทั้ง HI5, MySpace, Facebook มันมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ เลย วงเราเกิดในยุคที่อินเตอร์เน็ตกำลังบูมแล้วก็มีโซเชียลมีเดีย มัน็เหมือนเป็นเครื่องมือให้เราโปรโมตตัวเองแล้วก็เพลงด้วย  

ขัน: แต่จริงๆ สำหรับเรากระแสต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นมันก็มีจากเพลงที่เราทำด้วยนะ ซึ่งเนื้อหามันก็ไม่ได้ต่างจากเพลง ‘ไข่โป้ง’ ในตอนนั้น มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเราจะต้องพบเจอคนฟังอยู่แล้ว แต่ละคนฟังแล้วคิดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว บางคนอาจจะคิดว่า เราโตขึ้นจากเพลงฮิปฮอป เพลงเราแบบเบาๆ สบายๆ แต่อาจจะไม่เคยฟังเพลงสมัยก่อนของวง พอเพลงใหม่มาบอกไม่ดี ซึ่งเราเข้าใจได้ เรารู้ว่า เราสู้กับอะไร เราสู้เพื่อวงการฮิปฮอปมาตั้งแต่เริ่ม เราซัพพอร์ตคนที่รักในดนตรีแนวนี้ เราเลยเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้น 

เวย์: บางทีคนที่ฟังเขาอาจจะไม่ได้รู้เลยว่า ฮิปฮอปมันมาจากไหน มีรากฐานต่างๆ มายังไงบ้าง เขาอาจจะแปลกและตกใจในสิ่งที่เราทำ ไม่ว่ากันครับ พวกเราเข้าใจ เพลงมันมีหลายแง่มุมมากๆ ทั้งการใช้คำที่จะแรงหรือไม่รุนแรงก็ได้ อย่างไรก็ดีพวกเราเองเคยปล่อยเพลงหลายรูปแบบมากๆ มีหลายอารมณ์ให้ทุกคนได้เสพทั้ง ทะลึ่ง, Just Holla, สุดขอบฟ้า ทุกอย่างมันมาตามจังหวะชีวิตมากๆ พอกลับมาคราวนี้เราเลยเอาล่ะ มาทั้งทีให้มันเดือดซะหน่อย มากับเพลง ‘พ่อมึง’ เลย  
ซึ่งต้องขออธิบายก่อนว่า เพลง ‘พ่อมึง’ มันเป็นเพลงของตัวผมเองที่ทำมานานแล้ว จากนั้นพวกเราได้กลับมาคุยกัน เพราะห่างกันไปสักพักนึง ทีนี้ผมก็คิดมาตลอดว่า ใครเป็นพ่อผมในวงการเพลง ผมตอบเลยว่า ขัน ผมนับถือเขาในฐานะพ่อฟีลแดดดี้จริงๆ พออยู่ในเพลงกัน 2 คนตอนทำกับ ขัน มันก็เหงา เลยไปชวน เดย์ มา ชวน Big Calo มาสนุกด้วยจึงกลายมาเป็นเพลงนี้ครับ  

ขัน: เพลงนี้จริงๆ มันเป็นเพลงตลกที่เราไม่ได้ตั้งใจจะให้ไปเกิดกระแสดราม่าอะไรแบบนั้นเลย  

เวย์: ใช่ มันเป็นเพลงที่ผมต้องการบอกว่า ขัน เป็นพ่อผมจริงๆ นะ มิวสิกวิดีโอตอนแรกเราจะไปอีกแบบเลยตอนถ่าย แต่พอมันออกมาแล้ว มันกลายเป็นเท่ แบบเอ้าแม่งเท่ไปแล้ว แต่เจตนาจริงๆ เรานับถือกันเองในวง เราเลยทำเพลงนี้ขึ้นมา คำที่ใช้มันเป็นคำแสลงเลย เหมือนประมาณว่า พ่อมาแล้ว พ่อมึงมาแล้ว ฟีลแบบ ขันมาแล้วเนี่ย แดดดี้มันมาเจอผมแล้ว แค่นี้เลย ไม่ได้ตั้งใจจะบอกทุกคนว่า กูเป็นพ่อมึง กูแค่แก่ แก่แบบรุ่นพ่ออ่ะ พอคนเขาไปฟังกันไม่ชอบกัน เราก็เข้าใจได้ไม่ว่ากันครับ ทุกคนมีสิทธิ์คิด แต่อยากบอกในมุมเราด้วยว่า เราไม่ได้มีเจตนาจริงๆ  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2UsdhlpNcEtfs9MIlwfEz4/ac772a3afa46dc099d89e19e9f564bfa/Interview-23Years-Thaitinium-SPACEBAR-Photo03

ขวบปีที่ยากที่สุดของ Thaitanium  

เวย์: อาจจะเป็นปีที่ผมเองและเพื่อนๆ เห็นไม่ตรงกันแล้วแยกย้ายกัน ไปสักพักนึง ปีนั้นยากที่สุดครับ 

ขัน: ใช่ๆ เพราะก่อนหน้านั้นพวกเราก็ไม่มีอะไร ทำเพลงไปเรื่อยๆ มันก็มีอุปสรรคมาตลอด แต่ไม่มีอะไรที่ใหญ่กว่าการที่เราไม่ได้ทำงานด้วยกัน  

วงการฮิปฮอปกับการเติบโตที่เพิ่มมาขึ้นเรื่อยๆ 

เวย์: รู้สึกดี รู้สึกภูมิใจเพราะเราเห็นมาตั้งแต่เกิดเลย เราเห็นหลายๆ คลื่นที่ซัดเข้ามา ดังๆ แล้วก็เบาลง แล้วก็ดังกลับขึ้นมาใหม่ แล้วตอนนี้ส่วนตัวภูมิใจมากๆ ครับ มันทำให้ผมย้อนกลับไปตอนที่กลับมาไทยใหม่ๆ เด็กเขาไม่ทำงานกันอย่างเป็นจริงเป็นจังนัก เขาไม่มีพาร์ทไทม์จ็อบ 
ถ้าเราอยากได้อะไรสักอย่างมันได้มายากมาก ตอนนี้พอวงการฮิปฮอปมันโตขึ้นทั้งดีเจ ช่างภาพ แดนเซอร์ คนทำกราฟิกต่างๆ ทุกคนมีรายได้เกิดขึ้น เด็กสมัยใหม่ไม่อดตาย ทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากขึ้นมันดีมากๆ  

ขัน: แล้วมันเลี้ยงดูตัวเอง เลี้ยงดูครอบครัวได้ ฮิปฮอปที่ผ่านมาในยุคเก่าๆ มันเกือบจะอยู่ไม่ได้ เพื่อนๆ ที่ทำเพลงกันมาก็ค่อยๆ หายไป เพราะเขามาเจอกับความเป็นจริงที่กูไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ว่ะ ซึ่งตอนนี้ฮิปฮอปมันเดินมาถึงจุดที่จริงจังแล้ว อย่างเมื่อก่อน เราบอกพ่อแม่ เขาก็หัวเราะแล้วมึงจะเลี้ยงตัวเองยังไง ทุกวันนี้ ศิลปินก็อยู่ได้ ทีมงานก็อยู่ได้ มันสำคัญที่สุด ถ้าจะอยู่ไปนานๆ มันต้องเลี้ยงดูตัวเองได้  

ช่วงที่เริ่มต้นของ Thaitanium กับความยากในยุคสมัยเริ่มต้น  

ขัน: มันแตกต่างกันเยอะเลย ตอนที่เราเริ่ม ถ้าเรามีคอมเมนท์เหมือนสมัยนี้ คงโดนด่าเละเทะ ไม่มีที่เกิด (หัวเราะ) เราก็คิดว่าคนเรามันจะมีคอมเมนท์กันอยู่แล้ว เมื่อก่อนเขาก็จะมีแบบแซวๆ ว่า เฮ้ยวงนี้มันร้องเพลงอะไรวะ แต่ว่าสมัยนี้มันมีให้เราเห็นต่อหน้าเราเลย เพราะฉะนั้นความยากสมัยก่อน มันยากที่จะอธิบาย จะทำให้เขาดู แล้วเราก็ยังเป็นเด็กประสบการณ์ก็ยังน้อย เราก็เหมือนถางหญ้าอ่ะ ตอนนั้นเราอยู่แกรมมี่ เราก็ทำในแบบของเรา มันก็มีบางอย่างที่อาจจะไม่ได้ชอบ พอออกมาทำร่วมกันเราก็เอาประสบการณ์ต่างๆ มารวมกัน ก็ค่อยๆ สร้างเส้นทางของตัวเองมาตั้งแต่นั้น 

เวย์: มันไม่ได้มีคนมาเข้าใจโลกต่างๆ แบบนี้ เพราะเพลงฮิปฮอปมันก็เพิ่งมาดัง ถ้าจะดูอะไรสักอย่างที่เป็นอเมริกามันยากมากๆ คนก็ไม่ได้เข้าใจ ไม่มีให้ดู เขาก็แบบไอ้นี่มันแต่งตัวอะไรของมันวะ แต่งตัวใส่กางเกงหลุดตูด เขามองว่า เราเหมือนเป็นตัวประหลาด แต่มันก็มีข้อดีที่วงเราเหมือนอยู่บนผ้าขาวเปล่าๆ ค่อยๆ วาด ค่อยๆ สร้างทางไป ปัจจุบันมันก็ยังโฟลว์มาเรื่อยๆ เหมือนตอนที่ผมมาเมืองไทยครั้งแรก นับได้เลยว่า คนฟังเพลงฮิปฮอปไม่ถึง 10 คนเลยด้วยซ้ำ 

ขัน: เราถึงต้องจัดปาร์ตี้ที่ทำให้คนเจอพวกเราขึ้นมา เราจัดมาทั้งชีวิตเลย เมื่อก่อนมันไม่รู้ว่าจะโปรโมทเพลงยังไง เราก็จะใช้วิธีนี้ เราทำเหมือนเดิมมาตลอดด้วยกัน 3 คน หาวิธีการโปรโมทเพลงเรา ไปคุยกับช่องทีวีเอง ถามว่ามันยากมั้ย มันไม่ได้ยาก แต่มันต้องต่อสู้กับอะไรมาเยอะมากเพื่อที่เราจะได้ทุกอย่างมา  

เวย์: ฮิปฮอปมันคือ สิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เรารักจะตื่นขึ้นมา ลงมือทำมัน เราไม่ได้คิดว่า เราจะทำไปเพื่อทำโน้นทำนี่สร้างอนาคต ไม่เลย เราคิดแค่ คืนนี้เราจะไปแดกเหล้าต่อ (หัวเราะ) แล้วพอมันมาถึงปีที่ 23 เรามองย้อนกลับไป พวกเราก็เดินทางมาไกลเหมือนกันจากวันนั้น มันไม่ง่ายเลย  

ขัน: เราต้องการเปิดประตูใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ เราไม่หยุดที่จะสร้างไอเดีย สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นเรื่อยๆ อยู่เสมอ เรารักและชอบมันอยู่แล้วสำหรับการเดินทางของพวกเราในแต่ละวัน  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5EDlk1yoQgIXOVvC6BzjHY/bbce7865af1b52b3b35d1e05f0a77178/Interview-23Years-Thaitinium-SPACEBAR-Photo04

ทะลึ่ง เพลงเปลี่ยนชีวิตของ Thaitanium

เวย์: เพลงนี้มันเปลี่ยนชีวิตของพวกเราไปตลอดกาลเลยครับ ก่อนที่จะมีเพลงนี้ เรามีเพลง ‘ยักไหล’, ‘ไข่โป้ง’ และเพลงเดือดๆ มากมายเต็มไปหมด แต่พอเพลง ‘ทะลึ่ง’ ออกมา ชีวิตเปลี่ยนไปเลย จริงๆ อัลบั้ม Thailand Most Wanted ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ พวกเราจะเลิกทำแล้ว พ่อแม่ก็ด่า เพราะเกิดที่อเมริกา มึงจะกลับไปอยู่เมืองไทยเพื่อจะเป็นแรปเปอร์เนี่ยนะ มึงไม่เรียนหนังสือ แล้วกลับมาทำสิ่งนี้เนี่ยนะ เขาก็ไม่โอเคเพราะใน 6 ปีที่ทำมา มันไม่ได้กำไร ได้ตังค์มาและก็ไปเลี้ยงโปรเจกต์ ซื้อตั๋วเครื่องบินไปเล่น มันไม่ได้มีเงินที่จะเข้ามาอยู่ในกระเป๋า แต่พอเพลงนี้มันออกมา มันก็โอเค มีงานเล่นวันละ 3 งาน เพลงออกปี 2006 เราทัวร์เพลงนี้จนถึงปี 2009 3 ปีแทบจะไม่มีเพลงใหม่เลย ตอนนั้นมันเริ่มมีแบรนด์มีโน้นนี่นั่นมา มันก็เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว ทุกคนก็ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยกัน  

ขัน: ใช่เพราะมันไม่ได้กำไรที่จะทำต่อไปด้วยช่วงนั้น ตอนนั้นเราสนุก เรารักมันนะ แต่เหมือนทำไปแล้วมันก็ย่ำอยู่กับที่ในเรื่องการเงินต่างๆ ถ้าไม่มีเพลงนี้ก็ไม่น่าจะมีเรามาถึงทุกวันนี้ได้ 

ขัน: จริงๆ แล้วมันบิ๊วอัพมาเรื่อยๆ นะ จากเพลงก่อนหน้านี้แล้ว เราได้เพลงยอดเยี่ยมของคลื่น Fat Radio จากเพลง Just Holla คนรู้จักเราแล้วจากเพลง ปกติเราจะกลับมาไทยทุกสามเดือน เดือนหนึ่งบ้าง ช่วงเวลาสั้นๆ  
เวย์: แล้วตอนนั้น 6 ปีแรก พวกเราจะเหมือนเป็นคนล่องหน นานๆ กลับมาไทยที่ วกลับมาเดือดๆ กันแล้วก็หายไปอีกแล้ว สรุปทุกคนก็งงว่า แล้วมันทำอะไรกันว่ะ พอกลับมามันจะมีโปรเจกต์มีเสื้อผ้าใหม่มาขาย รูปลักษณ์ใหม่ แล้วมันก็หายไปอีกแล้ว  

ขัน: ความตื่นเต้นสมัยก่อนมันไม่มีโซเชียลมีเดีย พอมันหายไป คือ มันหายไปเลยนะ มันก็ไม่มีโพสต์ ไม่มีอะไรให้ตามเลย มันจะเป็นความงง ความอะไรกันแน่ มากกว่าเพลงนี้มันก็เหมือนเปลี่ยนพวกเราไปด้วย 

ที่มาที่แท้จริงของเพลง ทะลึ่ง  

ขัน: แต่งจากชีวิตพวกเรา ตอนที่กลับไปสหรัฐอเมริกาตอนนั้น ก็คือช่วงที่ทำอัลบั้ม Thailand Most Wanted อัลบั้มนี้พวกเราก็ทัวร์เยอะขึ้น มี School Tour มีทัวร์มหาลัย เราก็ได้เจอชีวิตของคนเยอะขึ้น เราก็เลยเหมือนพูดจากตรงนั้นแหละ ตอนแต่งเพลงนี้น่าจะแต่งที่อเมริกา ไม่ได้คิดอะไรมาก มันมาเองด้วยฟีล  

เวย์: ฟังเนื้อเพลงได้เลยครับ มันคือชีวิตจริงครับ (หัวเราะ) กลับไปฟัง ตอนนั้นกำลังซ่าส์ๆ ณ วัยรุ่นตอนนั้น  

ขัน: มันเป็นเรื่องราวด้วย ชื่ออัลบั้มผมคิดออกมาแล้วแชร์กับเพื่อน ก่อนที่จะเริ่มทำเพลงด้วยซ้ำ ตอนนั้นเราอยู่เมืองไทย มีปัญหาเยอะ เราตีต่อยกับคนเยอะ โดนตำรวจจับ มันก็เลยเรียกว่าเป็นที่ต้องการของตำรวจ (หัวเราะ) มันเป็นเรื่องราวเพลงที่อยู่ในนั้น มันจะฟีลอารมณ์เวลานั้นเลย ‘ทะลึ่ง’ ก็จะเป็นหมวดที่ออกไปเที่ยวใช้ชีวิตแบบนี้แหละ มันเลยรวมกันเป็นเรื่องเดียว 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4RJAutePjvLLIeCxbOU449/7ea3635257d3551849861b47479fc720/Interview-23Years-Thaitinium-SPACEBAR-Photo05

ทะลึ่ง เวอร์ชั่น 2023 หรือ 'Ta Lueng Baby' ที่ถูกปรับปรุงใหม่ ฉลองครบรอบ 23 ปี 

เวย์: เริ่มแรกในส่วนของคนที่มา Feat ในเพลงนี้ ‘อิงฟ้า’ เขามาเล่นมิวสิกวิดีโอของผม พอได้คุยกัน เขาก็สนุกมาก วันที่อยู่ในกองแล้วก็ถามเขาว่า จริงๆ เขาชอบอะไร เขาบอกเขาชอบร้องเพลงมาก เขาฟังเพลง ‘ทะลึ่ง’ มาตลอด เล่นในติ๊กต๊อกมาตลอด ผมก็เลยบอกว่า ถ้ามีโอกาสเดี๋ยวผมเนี่ยจะลองไปบอกในวงดูว่า เออเราอาจจะได้ร่วมงานกันได้นะ  
พอมันใกล้ครบวันเกิดของวงเรา พวกเราก็คิดว่า หรือเราจะลอง Remix เพลงในอดีตของเรากันดูนะ เลยได้เพลง ‘ทะลึ่ง’ มา แล้วเรียกน้อง อิงฟ้า มาทำฮุคใหม่ ทำอะไรใหม่ๆ แทนที่มันจะเป็นพวกเรากลับมาร้อง ให้คนอื่นมาร้องแทนดีกว่า เราร้องต้นเพลงก็พอ ทั้ง Saran, FIIXD, Twopee เราก็เรียงยุคแต่ละคนมา มันก็เปลี่ยนคนร้องใหม่ ทำบีทใหม่ด้วย ผมรู้สึกว่า มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมากๆ เป็นเพลงเปลี่ยนชีวิตเราด้วย เราอยากจะขอบคุณทุกคนมากๆ ทุกวันนี้เขาก็ยังเปิดเพลงนี้อยู่ เราขอบคุณทุกคนมากจริงๆ  

ขัน: ผมก็ฟังมิกซ์เก่ามานาน มันดีกว่านั้นได้เยอะเลย ซาวด์ตอนนั้นเงินทุนในตอนนั้น กับเครื่องและอุปกรณ์ที่เรามี เราคิดว่าจะเอาเพลงเก่าๆ มาทำให้มันดีขึ้น เทคโนโลยีมันไปไกลแล้ว เราก็อยากจะมีอะไรใหม่ๆ ในเพลงนี้ด้วย เราจึงทำเพลงนี้ออกมาให้ทุกคนได้ฟังกันอีกครั้งครับ  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6ymYM6ldp5H9NybCkI0ZFi/52f11fed2fd1da61a7a1b467a44b572a/Interview-23Years-Thaitinium-SPACEBAR-Photo06

เป้าหมายของ Thaitanium หลังจากนี้  

ขัน: สำหรับผมแล้ว มันเหมือนถางหญ้า พอเราโตขึ้นเราทำอะไรได้ เราก็จะส่งต่อให้น้องๆ พวกเราจะหาเป้าหมายของเราต่อไป ถ้าเราทำต่อไปได้ พวกเด็กๆ พวกน้องๆ ที่โตขึ้นมาเขาก็จะหาโอกาส หาช่องทางอะไรทำกันต่อได้เช่นกัน 

เวย์: เพราะเราเปิดประตูให้ทุกคน เราก็เหมือนเป็นคนที่กลับไปถางหญ้าหาสิ่งใหม่ๆ เด็กรุ่นใหม่เขาเห็นเราเป็นไอดอลยังไง เราก็ยังจะเปิดประตูใหม่ๆ ของเราต่อไป เรากลับไปทำสิ่งเดิมๆ ไม่ได้ นี่คือเส้นทางของพวกเรา ฮิปฮอปไทยต้องไปต่อ เราสร้างไปเรื่อยๆ ครับ มันก็จะได้ส่งต่อไปถึงกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ในอนาคตด้วย 

ขัน: ซึ่งบางทีเด็กรุ่นใหม่เขาก็ช่วยกันเปิดประตูที่เปิดไม่ได้เหมือนกัน ช่วยวงการ จนทุกวันนี้มันมีอะไรมากมายเต็มไปหมดเลยทั้ง Roling Loud Thailand งานอื่นๆ อีกมากมาย เราพยายามจะให้ฮิปฮอปไทยไปไกลกว่านี้  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1mjV0997El9V1DFecgyA8s/ff18bf9b5e4b09eaca7deb9832aed32f/Interview-23Years-Thaitinium-SPACEBAR-Photo07

เด็กรุ่นใหม่กับไอดอลที่ชื่อว่า Thaitanium 

ขัน: เราได้เจอบ่อยนะ เรารู้สึกดี เราทำงานมาหนัก เราไม่ต้องรอให้ใครมาพูดอะไร ถ้าใครมาบอกเราก็ขอบคุณเขา ถ้าคนไหนที่เราติดตามอยู่ เราก็จะบอกเขาว่า เราฟังเพลงเขาอยู่นะ ถ้าเราไม่ได้ฟัง เราก็จะไปหาฟัง มันเป็นธรรมชาติของวงการฮิปฮอปมันดีกว่าของเมืองนอกเยอะมาก เมืองนอกนี่ทะเลาะกันทุกวัน เมืองไทยยังมีเรื่องของใจและการให้เกียรติกัน เมืองนอกมันอัดกันเละเทะเลย ถือว่าเมืองไทยวงการฮิปฮอปยังดีดีและยังน่ารักกันอยู่  

เวย์: รู้สึกขอบคุณและดีใจมากๆ พวกเราไม่มีใครมาแนะนำ เราเรียนรู้เอง กับเด็กรุ่นใหม่ ผมพยายามให้คำแนะนำเสมอ ลองแบบนี้สิ ทำแบบนี้นะ ใครมาถามผมก็บอกอยู่เรื่อยๆ ครับ  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5D5djVDDcoAqsbYc2aCG2x/0d163f9a387f194d8bc05a829423f16a/Interview-23Years-Thaitinium-SPACEBAR-Photo08

ดนตรีฮิปฮอปให้อะไรกับ Thaitanium

เดย์: ให้ประสบการณ์ ให้ชีวิตเพราะว่า ฮิปฮอปมันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา เป็นการแนะนำตัวเองไปในตัวด้วย เขาจะรู้ว่า เรามาจากไหน เคยทำอะไรมาบ้าง ทุกอัลบั้ม ทุกการเดินทางมันเป็นการเล่าเรื่องของเรา สมัยก่อนเราพูดถึงเรื่องนี้ไปแล้ว วันนี้เราพูดไม่ได้ อาจจะพูดแบบดุดัน โน้นนี่ ตอนนี้เราพูดอะไรแบบนั้นไม่ได้แล้ว ทุกอย่างมันเติบโตไปขึ้นในทุกวัครับ 

ขัน: เรียกว่า ขอบคุณฮิปฮอปเลย ไม่งั้น ชีวิตมันอาจจะเดินไปอีกทางเลยก็ได้ เพราะถ้าไม่เจอฮิปฮอปตั้งแต่เด็ก คงไม่ตั้งใจทำอะไรได้นานขนาดนี้ครับ ไปเรียนหนังสือกลับบ้านมาซ้อมดีเจ 6-7 ชั่วโมง ตอนเด็กๆ ผมไม่ได้เรียนหนังสือ ผมสร้างวินัยจากเพลงฮิปฮอป เราจะทำยังไงถึงจะเก่ง ทุกอย่างมันสอนให้เรามีวินัยในชีวิตว่าอยากจะได้อะไรต้องฝึกฝน ตั้งใจทำมัน มันคือเบสิกของชีวิตที่ได้เจอ สำหรับเรื่องของแนวเพลงฮิปฮอปทุกอย่างมันได้มาไม่ง่ายเลย มันช่วยชีวิตเราทุกเสต็ปที่เดินมาเลย 

เวย์: ถ้าไม่ได้มีฮิปฮอปในชีวิตก็คงไม่มี Daboyway ไม่มี เวย์ ไทเทเนียม เหมือนในทุกวันนี้ครับ เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ใช้ชีวิตแบบไหน ตัดสินใจยังไง พื้นที่มันมาจากฮิปฮอปเริ่มจากศูนย์ลองทำทุกอย่าง ฮิปฮอปมันคือทุกลมหายใจของผมเลยครับ  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/vRmkGKYLQYSGGs9dqX0H4/85b756e25414e782b72bd0d6f6c920cb/Interview-23Years-Thaitinium-SPACEBAR-Photo09

สิ่งที่อยากบอกแฟนเพลง 

ขัน: ขอบคุณที่สนับสนุนเรา ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีเรา ขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทราบดีว่า มันเกิดอะไรขึ้น ก็ขอบคุณทุกคน ยังมีคนที่ให้กำลังใจเราเสมอมา เวลาอะไรเดินทางมาไกลๆ ใช้เวลามานาน มันก็มีคนหลงลืมตกลงไป ทุกวันนี้เรายังปล่อยเพลงมีคนดูมีคนสนใจ เท่านี้ก็โชคดีมากๆ แล้วขอบคุณมากครับ  

เดย์: ไอเลิฟยู (หัวเราะ) 

เวย์: ถ้าใครที่คลุกคลีกับพวกเราก็จะรู้ว่า เราจริงใจกับแฟนเพลงเสมอ ขอบคุณทุกอย่างเลย ดีใจที่ได้เติบโตมาด้วยกันด้วยนะครับ 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์